ทหารนำบุกตรวจ สค.บินฮุบที่คนลำพูน-สะพัดนายทุนจ้องหอบขายวัดดังปทุมฯ

ลำพูน - ทหาร พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ที่ดิน ป่าไม้ ผู้นำชุมชน บุกตรวจนายทุนใช้ สค.บินจากที่อื่นฮุบที่ชาวบ้านแม่ทา เมืองเจ้าแม่จามเทวี ถึง 3 รายซ้อน แถมส่งคนไล่ให้ชาวบ้านออกจากพื้นที่ ต้องตระเวนร้องศูนย์ดำรงธรรมฯ-แจ้งความ จนไม่เป็นอันทำมาหากิน สะพัดเล็งหอบไปเสนอขายวัดดังเมืองปทุมฯ

รายงานข่าวแจ้งว่า หลังนางทิกานต์ หล้ามี อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 349/192 หมู่ที่ 4 ต.ป่าสัก อ.เมืองลำพูน, นางเกศณี สิทธิชัยวงศ์ อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 226 หมู่ที่ 12 ต.ทาสบเส้า อ.แม่ทา จ.ลำพูน และนางชลาวัลย์ โพธิศาสตร์ อายุ 62 ปี ชาวบ้าน ต.ป่าสัก ซึ่งได้ครอบครองที่ดิน สทก. (สิทธิที่ดินทำกิน) รวมกันกว่า 10 ไร่ ได้เข้าร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมฯ ลำพูน และแจ้งความไว้ที่ สภ.นิคมอุตสาหกรรม ไม่ต่ำกว่า 4 ครั้ง

โดยระบุว่าถูกกลุ่มนายทุนกลุ่มหนึ่งบุกเข้าทำลายที่พัก ทำลายรั้วกั้นอาณาเขต ทำลายต้นไม้ที่ปลูกไว้จำนวนมาก พร้อมทั้งมีการข่มขู่ให้ชาวบ้านทั้ง 3 รายออกจากพื้นที่

นางทิกานต์ หนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนครอบครองที่ดินแปลงนี้มานานกว่า 20 ปีแล้ว พร้อมกับเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นที่ สทก.หรือสิทธิที่ดินทำกิน และได้ปลูกลำไย ปลูกมะม่วงจนโต จู่ๆ ปลายปีที่ผ่านมาก็มีนายทุนกลุ่มหนึ่งบุกรุกเข้าทำลายต้นมะม่วง ต้นลำไย ทำลายรั้ว รวมถึงที่พักของพวกเราจนได้รับความเสียหาย และทำหลายครั้งไม่ใช่ครั้งเดียว

นอกจากนั้นยังถูกชายฉกรรจ์จำนวนหลายคนบุกข่มขู่ให้ออกจากพื้นที่ อ้างว่าพวกตนไม่มีสิทธิ์ในที่ดินแปลงนี้พวกเขาต่างหากที่มีสิทธิ์

ซึ่งพวกตนก็ได้บอกไปว่าตนครอบครองที่ดินผืนนี้มานานแล้วจะมาอ้างแบบนี้ได้อย่างไร ซึ่งตนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องรังแกคนจนอย่างพวกเราด้วย เมื่อหมดที่พึ่งพวกเราจึงพากันไปแจ้งความ และร้องที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดลำพูนเพื่อขอความเป็นธรรม ขอความเห็นใจให้ชาวบ้านจนๆ อย่างพวกเรา

ล่าสุดวานนี้ (8 มิ.ย.) พ.อ.นพดล คามเกตุ รองเสนาธิการ กกล.รส.พล.ร.7 (จว.ลพ.), ร.ท.ชัชชัยวัฒนา ภูริชญาพิพัฒน์ น.ฝขว.กกล., นางสาวภัตสร ทองเจริญ ปลัดอำเภอเมืองลำพูน, พ.ต.ท.สามพราน จันทร์มั่งคับ รอง ผกก.สภ.นิคมอุตสาหกรรม พร้อมเจ้าหน้าที่ที่ดินลำพูน ป่าไม้ ผู้นำชุมชน รวม 30 คน ที่ดินบริเวณหมู่ที่ 2 ต.ศรีบัวบาน อ.เมืองลำพูน

หลังการตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมสรุปเบื้องต้นว่า ประเด็นการบุกรุกการทำให้เสียทรัพย์ได้แจ้งความดำเนินคดีแล้ว ก็ให้ผู้เสียหายรวบรวมพยายานหลักฐานต่างๆ ที่มีไปพบพนักงานสอบสวนอีกครั้ง เพื่อให้เข้าสู่กระบวนการยืนยันสิทธิ์ ส่วนมาตรการการคุ้มครองหลังจากนี้หน่วยงานของรัฐจะเข้ามาดูแล เช่น เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ตลอดจนผู้รับผิดชอบในพื้นที่ก็จะร่วมกันดูแล

ประเด็นเรื่องการรังวัดพื้นที่ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ และเจ้าหน้าที่ที่ดินส่วนที่เกี่ยวข้องจะมารังวัดที่ดินที่เป็นปัญหาอีกครั้ง เพื่อให้มีเอกสารการยืนยันพิสูจน์สิทธิ์ให้ชัดเจน ส่วนใครที่ไม่มีชื่อแล้วมาบุกรุกครอบครอง เจ้าหน้าที่ก็จะดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ป่าไม้รับไปดำเนินการต่อภายในสัปดาห์นี้

โดยผู้เสียหายทั้ง 3 รายก็ได้ร้องขอให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน เพราะเรื่องนี้เรื่องเดียวทำให้ไม่ได้ทำมาหากินกันเลย และร้องขอเรื่องความปลอดภัยในการครอบครองที่ดิน ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็รับปากดำเนินการให้

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพบว่าที่ดินบนเนินเขา ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อติดกับเขตป่าสงวนฯ ยังมีการแอบลักลอบนำลวดหนาม-เสาปูนมากั้น เพื่อแสดงการครอบครองที่ดินในเขตป่าสงวน และที่น่าตกใจคือ เจ้าหน้าที่ยังพบว่ามีการก่อสร้างบ้านหรู 2 ชั้นบนที่ดินเขตป่าสงวนฯ อีกด้วย ซึ่งการก่อสร้างใกล้จะแล้วเสร็จ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบแนวเขตที่ดินเบื้องต้นก่อนจะรังวัดและตรวจสอบอีกครั้งในคราวเดียวกัน หากพบว่าหลักฐานชี้ชัดว่าบุกรุกจริงก็จะดำเนินคดีผู้บุกรุกต่อไป

ด้าน พ.อ.นพดล คามเกตุ กล่าวว่า ปัญหาก็คือมีนายทุนพยายามจะครอบครองที่ดิน 3 แปลงนี้ โดยมีการแอบอ้างนำ สค.1 แปลงอื่นมาสวม อ้างเป็นเจ้าของที่แปลงเหล่านี้ เพื่อขอออกโฉนด โดยใช้วิธีทางกระบวนการยุติธรรม แต่ทางเจ้าหน้าที่ส่วนที่เกี่ยวข้องคือ สำนักที่ดินจังหวัดลำพูน ได้ตรวจสอบแล้วว่าเป็น สค.1 จากที่อื่น สำนักบริหารจัดการป่าไม้ที่ 1 ก็ได้คัดค้านไปแล้ว ก็ยังมีกลุ่มนายทุนพยายามจะเอาให้ได้ เมื่อกระบวนการต่างๆ เดินหน้าไปตามขั้นตอน งานนี้ก็คงมีการดำเนินคดีกันต่อไป

ทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่ากลุ่มทุนที่เข้ามาอ้างสิทธิ์มีเป้าหมายที่จะนำที่ดินไปขายต่อให้กับวัดชื่อดังเมืองปทุมธานีอีกทอดหนึ่ง เช่นเดียวกับที่เข้าไปดำเนินการในท้องที่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ และท้องที่อื่นของลำพูน ที่กำลังเป็นคดีความกันอยู่ในขณะนี้ด้วย