กาฬสินธุ์ - ชาวนากาฬสินธุ์พลิกวิกฤตแล้งฝนทิ้งช่วง เขื่อนลำปาวหยุดส่งน้ำ หันมาเลี้ยงปลาอายุสั้น อายุ 1-2 เดือนจับจำหน่าย สร้างรายได้รุ่นละกว่าแสนบาท
วันนี้ (2 มิ.ย.) จากสภาพดินฟ้าอากาศที่ จ.กาฬสินธุ์ ช่วงนี้ถึงแม้เข้าสู่ฤดูฝนและบางวันมีฝนตกลงมาบ้าง แต่ไม่มากพอที่จะทำให้เกิดน้ำขัง หรือเพิ่มปริมาณน้ำในเขื่อนลำปาว และแหล่งน้ำสาธารณะต่างๆ โดยล่าสุดเขื่อนลำปาวมีปริมาณน้ำที่ 353 ล้าน ลบม. คิดเป็นร้อยละ 17 ของขนาดความจุ และมีปริมาณน้ำใช้การได้ 235 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 12 โดยขณะนี้เขื่อนลำปาวอยู่ในช่วงปิดการส่งน้ำประจำปี แต่ยังมีการระบายน้ำเพื่อหล่อเลี้ยงระบบนิเวศ ส่วนปริมาณน้ำเข้าอ่างยังมีปริมาณน้อย ขณะที่เกษตรกรที่ทำนาและเลี้ยงกุ้งก้ามกราม ได้เปลี่ยนวิถีอาชีพเพื่อหาทางรอดใหม่ ลดความเสี่ยงขาดทุน
นายปรีชา ภูใบบัง อายุ 62 ปี ชาวบ้านตูม หมู่ 19 ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ เปิดเผยว่า เดิมตนประกอบอาชีพทำนา ทั้งนาปีและนาปรัง และยังแบ่งพื้นที่เลี้ยงกุ้งก้ามกรามด้วย แต่เนื่องจากปีนี้มีความแห้งแล้ง หากฝืนทำการเกษตรและประมงตามเดิม ทั้งการทำนาปรังและเลี้ยงกุ้งก้ามกรามคงเสี่ยงขาดทุน ประกอบกับเขื่อนลำปาวซึ่งเป็นต้นน้ำสำหรับการเกษตรและการประมงหยุดการส่งน้ำ ส่งผลกระทบโดยตรงกับการทำนาปรังและเลี้ยงกุ้งก้ามกราม ทำให้เพื่อนชาวนาและเลี้ยงกุ้งก้ามกรามหลายรายล้มเลิกกิจการไป เพราะประสบปัญหาขาดทุนซ้ำซาก
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นชาวนาและเคยเลี้ยงกุ้งเป็นอาชีพหลัก จึงไม่ยอมแพ้ต่อสภาพดินฟ้าอากาศที่แห้งแล้ง จึงเปลี่ยนจากเลี้ยงกุ้งก้ามกรามมาเลี้ยงปลานิล หรือปลานิลอนุบาลในบ่อดิน ซึ่งเลี้ยงง่าย ไม่ได้เปลี่ยนถ่ายน้ำบ่อยเหมือนเลี้ยงกุ้งก้ามกราม อายุ 1 เดือนครึ่งถึง 2 เดือนก็จับจำหน่ายได้ โดยมีบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งเข้ามาสนับสนุน ช่วงหน้าแล้งปลายปี 2558 ถึงต้นปีนี้เลี้ยงมาแล้ว 4 รุ่น รุ่นละประมาณ 1 แสนตัว จำหน่ายกิโลกรัมละ 120-130 บาท หักต้นทุนแล้วได้กำไรรุ่นละประมาณ 1 แสนบาท
การเลี้ยงปลาอายุสั้นหรือปลานิลอนุบาล จึงเป็นอาชีพใหม่ทำเงิน และมีเพื่อนเกษตรกรหันมาเลี้ยงเหมือนตนแล้วหลายราย มีตลาดกว้างขวาง ทั้งนายทุนและชาวบ้านมารับซื้อถึงที่ จึงมีแนวโน้มว่าจะเปลี่ยนอาชีพจากทำนาและเลี้ยงกุ้งก้ามกรามมาเลี้ยงปลาอายุสั้นกันมากขึ้น เพราะไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำขาดแคลนและผลกระทบจากภัยแล้ง