เลื่องลือศักดิ์สิทธิ์! พบ “หลวงพ่อปวดหาย” พระพุทธรูปวัดกันทรลักษ์ชายแดนไทย-กัมพูชา

ศรีสะเกษ - พบ “หลวงพ่อปวดหาย” พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ อ.กันทรลักษ์ ศรีสะเกษ ชายแดนไทย-กัมพูชา เผยหลวงพ่อวิรันนะตัง ภิกขุร่วมพุทธศาสนิกชนจัดสร้างขึ้น ท่ามกลางการสู้รบกันระหว่างทหารไทยกับกัมพูชาที่บริเวณเขาพระวิหาร เพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของชนทั้ง 2 ชาติ เลื่องลือเชื่อศักดิ์สิทธิ์แม่อุ้มลูกขอพรหายจากพิการ

วันนี้ (1 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดธรรมสำเริงพุทธศิริ บ้านโนนสำเริง ต.โนนสำราญ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ดร.กัลยาณี ธรรมจารีย์ ประธานเครือข่ายการท่องเที่ยวโดยชุมชนจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วย นายธีรวุฒิ พุทธการี ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 4 และคณะ ได้เดินทางไปเยี่ยมชมวัดแห่งนี้หลังทราบข่าวว่าเป็นสถานที่ประดิษฐานของ หลวงพ่อใหญ่ปวดหาย หรือ หลวงพ่อพระศรี พระปรางพรหมวิหารเหนือโลก ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่สวยงามและมีความศักดิ์สิทธิ์มาก

ทั้งนี้ หลวงพ่อใหญ่ปวดหายเป็นพระพุทธรูปขนาดหน้าตักกว้าง 15.99 เมตร สูงองค์พระรวมบัว 26 เมตร องค์พระสีขาว บริเวณฐานพระมีตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติ พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 12 สิงหาคม 2555 ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินินาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน ประดิษฐาน ณ ฐานชุกชีผ้าทิพย์ ของพระปรางพรหมวิหารเหนือโลก หรือหลวงพ่อใหญ่ปวดหาย

พร้อมมีการปรับปรุงภูมิทัศน์รอบบริเวณอย่างสวยงาม และมีบรรดาประชาชนพากันมากราบไหว้ ขอพรที่ตนปรารถนากันอย่างต่อเนื่อง โดยชาวบ้านโนนสำเริงได้พากันมาช่วยกันทำความสะอาดบริเวณวัดให้สวยงาม สะอาดสะอ้าน เพื่อเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของพุทธศาสนิกชนทั่วไป

ดร.กัลยาณี ธรรมจารีย์ ประธานเครือข่ายการท่องเที่ยวโดยชุมชนจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า จากการสอบถามประวัติของการก่อสร้างหลวงพ่อปวดหาย ทราบว่า หลวงพ่อ วิรัตน์ จันทสโร หรือหลวงพ่อวิรันนะตัง ภิกขุ เจ้าอาวาสวัดเขาพนมสัจจฉัพพรรณรังษี หรือวัดเขาชี อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ได้นำคณะศิษยานุศิษย์จากทั่วประเทศร่วมกับชาว อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ มาร่วมกันก่อสร้างขึ้น เป็นพระพุทธรูปพระปรางพรหมวิหารเหนือโลกที่มีเพียงแห่งเดียวในโลก

โดยวัดธรรมสำเริงพุทธศิริแห่งนี้มีพื้นที่อยู่ติดกับแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร ซึ่งขณะที่กำลังก่อสร้างเมื่อปี 2554 ได้มีการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาบริเวณเขาพระวิหาร แต่ปรากฏว่าไม่มีกระสุนปืนใหญ่ของฝ่ายกัมพูชายิงมาตกที่บริเวณวัดแห่งนี้แต่อย่างใด ซึ่งใช้เวลาในการก่อสร้างหลวงพ่อปวดหายนาน 6 เดือนจึงแล้วเสร็จอย่างสวยงาม

ดร.กัลยาณีกล่าวอีกว่า ต่อมาได้มีหญิงคนหนึ่งอุ้มลูกชายที่พิการเป็นใบ้และขาลีบมาขอพรกับหลวงพ่อปวดหาย ขอให้ลูกพูดและเดินได้ หลังจากนั้น 3 เดือนปรากฏว่า หญิงคนเดิมได้เดินจูงลูกชายมาแก้บนกับหลวงพ่อปวดหาย โดยแจ้งกับกรรมการวัดที่ดูแลวัดอยู่ว่า ลูกชายสามารถพูดและเดินได้แล้ว ทำให้ข่าวความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อปวดหายแพร่กระจายไปอย่างแพร่หลาย ส่งผลให้ประชาชนพากันแห่มากราบไหว้ขอพรอย่างต่อเนื่อง เพราะมีความเชื่อกันว่าหลวงพ่อปวดหายมีความศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเมื่อประชาชนได้รับพรตามที่ขอไว้แล้วจะนำเอาผลไม้ 9 ชนิดมาแก้บน

“หลวงพ่อปวดหายนี้ปัจจุบันกลายเป็นศูนย์รวมจิตใจ และเป็นที่กราบไหว้สักการะของประชาชนทั้ง 2 ชาติที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านใกล้กับผามออีแดง อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ” ดร.กัลยาณีกล่าว