ศรีสะเกษ - ชาวกันทรลักษ์วอนเร่งเปิดผ้าดำคลุม “ปราสาทพระวิหารจำลอง” บนผามออีแดง อุทยานฯ เขาพระวิหาร ให้ประชาชนนักท่องเที่ยวเข้าไปชมได้ หลังนายกฯ ประยุทธ์ประกาศไม่ทุบทิ้ง เผยเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดียิ่ง ย้ำเป็นสิทธิของไทยจะทำการสิ่งใดบนผืนแผ่นดินไทย ไม่ได้ไปล่วงละเมิดรุกล้ำแผ่นดินประเทศเพื่อนบ้าน
วันนี้ (12 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีที่ พ.อ.ธนศักดิ์ มิตรภานนท์ อดีต ผบ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 อ.กันทรลักษ์ ได้สั่งการให้ทหารดำเนินการก่อสร้างปราสาทพระวิหารจำลองบริเวณผามออีแดง อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยใช้เงินส่วนตัวรวมกับเงินที่ได้รับบริจาคจากประชาชนชาว จ.ศรีสะเกษ สมทบในการก่อสร้าง จำนวนประมาณ 5 ล้านบาท
ปราสาทพระวิหารจำลองแห่งนี้มีรูปแบบเหมือนกับปราสาทพระวิหารจริงทุกอย่าง เพียงย่อส่วนลงในสัดส่วน 1 ต่อ 11 สร้างบนพื้นที่มีความกว้าง 10 เมตร ยาว 80 เมตร ตั้งอยู่บริเวณริมหน้าผามออีแดง อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร เขตแดนไทย
ล่าสุดทางกองทัพบกได้สั่งการให้ใช้ผ้าดำคลุมปิดเอาไว้ พร้อมทั้งห้ามประชาชนนักท่องเที่ยวเข้าชม เนื่องจากหวั่นเกรงว่าจะกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา เพราะเป็นการก่อสร้างใกล้กับพื้นที่ทับซ้อนบริเวณเขาพระวิหาร และมีการสั่งย้าย พ.อ.ธนศักดิ์ มิตรภานนท์ พ้นจากตำแหน่งเดิมไปเป็นฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชานั้น
ล่าสุดที่ห้องสมุดประชาชนอำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ นายกิติศักดิ์ พ้นภัย หัวหน้ากลุ่มกำลังแผ่นดิน ในฐานะประชาชนชาว อ.กันทรลักษ์ ที่ติดตามเรื่องปราสาทพระวิหารมาโดยตลอด กล่าวว่า จากการที่ตนได้ติดตามเรื่องนี้มาโดยตลอดทราบข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ออกมาประกาศว่าจะไม่มีการทุบทิ้งปราสาทพระวิหารจำลองที่สร้างเสร็จแล้ว ทำให้รู้สึกชื่นชมต่อการเป็นผู้นำของชาติไทยที่มีความเด็ดขาดเข้มแข็ง กล้าตัดสินใจบนพื้นฐานของเหตุผล เนื่องจากว่าปราสาทพระวิหารจำลองสร้างอยู่ในพื้นที่ที่เป็นเขตแดนของไทย ไม่ใช่ดินแดนของกัมพูชา ดังนั้นจึงย่อมเป็นสิทธิที่ประชาชนชาวไทยจะทำสิ่งใดบนผืนแผ่นดินไทย เพราะไม่ได้ไปล่วงละเมิดรุกล้ำแผ่นดินประเทศเพื่อนบ้านแต่อย่างใด
ในเมื่อนายกรัฐมนตรีประกาศยืนยันว่าไม่ให้ทุบทิ้งปราสาทพระวิหารแล้ว ตนเห็นว่าควรที่จะสั่งการให้รื้อผ้าสีดำที่ปกคลุมปราสาทพระวิหารจำลองออกไปและควรตกแต่งภูมิทัศน์โดยรอบให้สวยงาม พร้อมทั้งอนุญาตให้ประชาชนนักท่องเที่ยวเข้าไปชมได้ ทั้งนี้เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของ จ.ศรีสะเกษและจังหวัดใกล้เคียง มั่นใจว่าจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศจากทั่วโลกหลั่งไหลเข้ามาชมปราสาทพระวิหารจำลอง เพราะนักท่องเที่ยวต้องการที่จะชมว่าปราสาทพระวิหารมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร ซึ่งปราสาทพระวิหารจำลองที่บริเวณผามออีแดงจะเป็นจุดขายทางด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของอีสานใต้ต่อไป
“ฉะนั้นจึงเห็นว่าหากหามาตรการที่เหมาะสมได้แล้วควรเร่งอนุญาตเปิดปราสาทพระวิหารจำลองให้ประชาชนนักท่องเที่ยวเข้าไปชมได้โดยด่วนต่อไป” นายกิติศักดิ์กล่าวย้ำในตอนท้าย