ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ศาลเชียงใหม่ อ่านคำพิพากษาคดีนักศึกษาสาวเมาแล้วขับชนนักปั่นเสียชีวิต 3 ศพ ตัดสินลงโทษจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา โดยจำเลยยื่นขอประกันตัวออกไปต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์ ขณะที่ครอบครัว และญาตินักปั่นที่เป็นโจทก์ร่วมฟ้อง น้อมรับคำพิพากษา เผยความรู้สึกกว่า 1 ปี หลังการสูญเสียยังเศร้าโศกไม่หาย คู่กรณีไม่เคยเหลียวแลโผล่หน้าให้เห็น และไม่แสดงความรับผิดชอบใดๆ ระบุพร้อมเรียกร้องความเป็นธรรมจนถึงที่สุด
รายงานแจ้งว่า ช่วงบ่ายวันนี้ (31 พ.ค.) ครอบครัว และญาติของนายชัยรัตน์ ย่องลั่น นายสมาน กันธา และนายพงศ์เทพ คำแก้ว ซึ่งเป็น 3 นักปั่นจักรยานเชียงใหม่ ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุที่ น.ส.ภัทร์ชุดา จายเรือน นักศึกษาสาวเมาแล้วขับรถยนต์ชนเมื่อวันที่ 3 พ.ค.2558 ที่ผ่านมา พร้อมทนายความจากสภาทนายความ ได้เดินทางไปที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อรับฟังคำพิพากษาตัดสินของศาลชั้นต้นในคดีดังกล่าวที่อัยการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นโจทก์ฟ้อง น.ส.ภัทร์ชุดา จำเลยในฐานความผิดกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามมาตรา 291 พระราชบัญญัติการจราจรทางบก โดยที่ครอบครัว และญาติของ 3 นักปั่นที่เสียชีวิตเป็นโจทก์ร่วมฟ้องในคดีนี้ด้วย ได้แก่ น.ส.ก้องกานต์ ย่องลั่น โจทก์ร่วมที่ 1 น.ส.นินนท์ ย่องลั่น โจทก์ร่วมที่ 2 นางปราณี กันธา โจทก์ร่วมที่ 3 นายแก้ว คำแก้ว โจทก์ร่วมที่ 4 และนางแก้ว คำแก้ว โจทก์ร่วมที่ 5
ทั้งนี้ นายพิริยะ สีหะกุลัง ทนายความของโจทก์ร่วม เปิดเผยหลังการฟังคำพิพากษาว่า ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตัดสินให้จำเลยมีความผิดในฐานความผิดกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามมาตรา 291 พระราชบัญญัติการจราจรทางบก โดยมีโทษจำคุก 4 ปี แต่เนื่องจากเลยให้การรับสารภพจึงลดโทษลงกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา พร้อมยึดใบอนุญาตขับขี่ ขณะที่การเรียกร้องค่าเสียหายของฝ่ายโจทก์นั้น ในส่วนของโจทก์ร่วมที่ 1 และ 2 ที่ลูกสาวของ นายชัยรัตน์ ศาลสั่งยกคำร้อง
ส่วน นางปราณี โจทก์ร่วมที่ 3 ภรรยาของ นายสมาน ศาลมีคำสั่งให้จำเลยชำระเงินชดเชยให้ 1.7 ล้านบาท และนายแก้ว กับนางแก้ว โจทก์ร่วมที่ 4 และ 5 บิดาและมารดาของ นายพงศ์เทพ ศาลมีคำสั่งให้จำเลยชำระเงินชดเชยให้ 4.35 แสนบาท
ขณะที่ น.ส.ก้องกานต์ และ น.ส.นินนท์ เปิดเผยว่า เบื้องต้น น้อมรับ และเคารพในคำพิพากษาตัดสินของศาลในครั้งนี้ ทั้งนี้ ตลอดช่วงกว่า 1 ปีที่ผ่านมา ทางครอบครัวยังรู้สึกเศร้าโศกเสียใจต่อเหตุการณ์ความสูญเสียไม่หาย และไม่เคยได้รับการเหลียวแล หรือแสดงความรับผิดชอบใดๆ จากคู่กรณีแม้แต่น้อย เพราะหลังเกิดเหตุไม่เคยมาพบกับครอบครัว หรือแม้แต่ขอขมาศพผู้เป็นพ่อเลย มีเพียงการติดต่อช่วยเหลือค่าทำศพ 100,000 บาท และเงินที่ได้รับจากบริษัทประกันภัย จำนวน 1.2 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งมองว่าไม่คุ้มค่าต่อชีวิตของผู้เป็นพ่อที่ต้องสูญเสียไปจากความประมาทของจำเลย
ทั้งนี้ จะมีการปรึกษาทางทนายความเพื่อดำเนินการต่อสู้ตามกฎหมายต่อไปจนถึงที่สุด พร้อมทั้งเรียกร้องต่อสังคม โดยเฉพาะผู้ขับขี่รถยนต์ให้เคารพกฎหมาย และปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเมาแล้วต้องไม่ขับขี่อย่างเด็ดขาด เพื่อไม่ให้เกิดเหตุความสูญเสียเหมือนที่ครอบครัวตัวเองต้องเผชิญ
ด้าน น.ส.ภัทร์ชุดา จำเลยในคดีนี้นั้น รายงานข่าวแจ้งว่า ได้เดินทางมาพร้อมทนายความเพื่อรับฟังคำพิพากษาตัดสินในครั้งนี้ด้วย โดยหลังจากฟังคำพิพากษาตัดสินแล้วได้ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไว้ก่อน ระหว่างทนายความของจำเลยดำเนินการเรื่องขอประกันตัวเพื่อต่อสู้คดีในชั้นศาลอุทธรณ์ต่อไป