อุดรธานี - ศาลออกหมายจับ “ขวัญชัย” หนีนัดฟังคำพิพากษาชั้นฎีกา คดีพาคนเสื้อแดงทำร้ายกลุ่ม พธม.ที่หนองประจักษ์ เมื่อวันที่ 24 ก.ค. 51 ด้านเมียป้องเต็มที่อ้างผัวรักมาฟังศาลไม่ได้เพราะไปจำศีล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (25 พ.ค.) ณ ห้องพิจารณาคดี 4 ศาลจังหวัดอุดรธานี ได้นัดฟังคำสั่งคดีฎีกา คดีแดงเลขที่ 2652/54 กรณีนายเจริญ หมู่ขจรพันธ์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายขวัญชัย สาราคำ คดีพยายามฆ่าและทำร้ายร่างกาย โดยเหตุเกิดที่สวนสาธารณะหนองประจักษ์ศิลปาคม เขตเทศบาลนครอุดรธานี เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2551 ที่ผ่านมา
โดยบรรยากาศตั้งแต่เช้ามีทนายความ พร้อมภรรยาและบุตรชายและกลุ่มคนเสื้อแดงเดินทางมารอให้กำลังใจนายขวัญชัย กระทั่งถึงเวลา 10.40 น. ศาลได้เรียกขานชื่อนายขวัญชัย สาราคำ อีกครั้งเพื่อให้เข้าห้องพิจารณา แต่นายขวัญชัยไม่ได้เดินทางมาตามนัดแต่อย่างใด ทำให้ภรรยาและบุตรชายและกลุ่มคนเสื้อแดงเดินทางมารอให้กำลังใจมีสีหน้ากังวลไปตามๆ กัน
นางอาภรณ์ สาราคำ ภรรยานายขวัญชัย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมาตนเพิ่งได้คุยโทรศัพท์กับสามี ซึ่งนายขวัญชัยก็ยืนยันว่าจะเดินทางมารับฟังคำพิพากษาอย่างแน่นอน แต่ขอไปงานของนายนิสิต สินธุไพร ที่อิมพีเรียลก่อน และขอไปจำศีลสักพัก และจะเดินทางกลับมาฟังคำพิพากษา
นางอาภรณ์ยังบอกอีกว่า ก่อนหน้านี้นายขวัญชัยบอกกับตนเสมอว่า หากตนติดคุก 2 ปี 8 เดือนก็คงจะติดไม่นาน และหากเข้าไปอยู่ในเรือนจำจริงๆ ก็น่าจะอยู่แค่ประมาณ 1 ปีเศษๆ คิดว่าคงทนได้ ก่อนหน้านี้มีปัญหามากมายไม่รู้กี่ครั้งก็ทนได้ตลอด และย้ำว่า “ไม่ต้องห่วงพี่ แค่ 2 ปี 8 เดือน แค่นี้พี่รับได้”
อย่างไรก็ตาม นางอาภรณ์กล่าวว่า หลังจากคุยโทรศัพท์กันวันนั้นก็ไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย โทรศัพท์มือถือก็ไม่เอาติดตัวไป ตอนนี้เป็นมากเพราะหลังถูกลอบยิงนายขวัญชัยก็มีอาการซึมเศร้า จากคนเคยพูดคุยสนุกสนานก็ไม่ค่อยคุยเหมือนเดิน สุขภาพก็ยังไม่ค่อยดี ยังไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ หากคุณขวัญชัยได้ดูข่าวก็อยากให้กลับมาฟังคำพิพากษาตามที่เคยพูดและตกลงกันไว้
ด้านนายเจริญ หมู่ขจรพันธ์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า จากการเข้ารับฟังวันนี้ศาลไม่ได้อ่านคำพิพากษาตามที่ศาลนัดหมาย ซึ่งศาลขอเลื่อนอ่านคำพิพากษาออกไปอีก โดยนัดอีกครั้งในวันที่ 28 มิถุนายน 2559 เวลา 09.00 น. เนื่องจากจำเลยคือนายขวัญชัย ไม่มาศาล ทั้งนี้ ศาลมีคำสั่งให้ออกหมายจับ เนื่องจากจำเลยไม่มาศาลและไม่มีเหตุผลอันสมควร ในส่วนเงินประกัน 5 แสนบาท ขณะนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าทางศาลจะยึดไว้เลยหรือไม่อย่างไร
นายเจริญบอกอีกว่า ส่วนตัวแล้วบอกได้เลยว่าแนวความคิดไม่ได้เป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว เนื่องจากผ่านจุดนั้นมามากแล้ว บ้านเมืองตอนนี้สงบสุข อีกอย่างตัวเองอายุมากแล้ว มีงานอื่นที่สำคัญที่ต้องดูแลมากขึ้น ส่วนเหตุการณ์ที่ผ่านมาก็คิดว่าเป็นเรื่องเวรกรรมของอดีตชาติ
แต่เมื่อย้อนกลับไปดูภาพเหตุการณ์เก่าๆ ก็ทำให้เกิดอารมณ์และอดคิดไม่ได้ว่าทำไมกลุ่มที่ต่อต้านไม่เคารพการจัดกิจกรรมของกลุ่มอื่นๆ ที่อยู่ฝ่ายตรงข้าม แต่ตอนนี้หายโกรธทุกคนและขอให้อภัยทุกคนเช่นกัน