เชียงใหม่ - นักวิจัยคณะแพทยศาสตร์ มช.ห่วงชายไทยกินหนอนไหมปลุกเซ็กซ์ หลังพบหนอนไหมไทย 2 สายพันธุ์ “เหลืองสุรินทร์ และนางน้อยศรีสะเกษ-1” ให้สารเหมือนยาไวอะกร้าได้ ย้ำขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นตอนการทดลองในสัตว์ ต้องเร่งทำวิจัยต่อยอด หากสำเร็จมีผลิตเป็นแคปซูลบำรุงสุขภาพแน่
วันนี้ (25 พ.ค.) ฝ่ายประชาสัมพันธ์คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ได้เผยแพร่เอกสารข่าว กรณีผลงานวิจัยเรื่องผลของสารสกัดจากดักแด้ไหมไทยต่อการกระตุ้นการขยายตัวของหลอดเลือด เทียบเท่าไวอะกร้า ว่า ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจน 100%
รศ.ดร.ปรัชญา คงทวีเลิศ อาจารย์ประจำภาควิชาชีวเคมี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ชี้แจงว่า ขณะนี้ผลงานวิจัยฯ ดังกล่าวยังไม่มีผลสรุปออกมาชัดเจนว่าหนอนไหมมีฤทธิ์สารเหมือนยาไวอะกร้า เพียงแต่อยู่ในการศึกษาระดับทดลองเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ผลการทดลองจะพบว่าหนอนไหมมีฤทธิ์ในการกระตุ้นให้เกิดไนตริกออกไซด์ได้จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะมีสารจากธรรมชาติในตัวหนอนไหมมีฤทธิ์คล้ายกับซิลเดนาฟิล หรือไวอะกร้า และทางทีมวิจัยยังไม่ทราบโครงสร้างของหนอนไหมเป็นสารชนิดใด
นอกจากนี้ยังไม่มีการทดลองในสัตว์ที่มีชีวิต รวมทั้งต้องเร่งหาทุนวิจัยในอนาคตต่อไป ว่าสารสำคัญเหล่านี้มีโครงสร้างทางเคมีอย่างไร เพราะสิ่งที่ทีมวิจัยต้องการคือสมุนไพร 100 เปอร์เซ็นต์จากสารธรรมชาติจะปลอดภัยต่อผู้บริโภคมากที่สุด
อย่างไรก็ดี ควรที่จะรอให้มีการสกัดออกมาในรูปแบบแคปซูลอย่างชัดเจนจะดีกว่า หากมีการทดลองในสัตว์แล้วเห็นผลได้ชัดเจนเทียบเท่ากับไวอะกร้า อนาคตต้องผลิตเป็นแคปซูลออกมาจำหน่ายอย่างแน่นอน
รศ.ดร.ปรัชญากล่าวต่อว่า สิ่งสำคัญในการเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยจะต้องตอบปัญหาของสาธารณสุข และประชาชนได้ หน้าที่ของการเป็นนักวิจัยของมหาวิทยาลัยนั้นจะต้องอธิบายถึงกลไกในการออกฤทธิ์ของสารต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นสารที่กินเป็นอาหาร สารที่กินเป็นอาหารเสริม หรือสารที่เป็นยาสมุนไพร เพราะคนไทยส่วนมากจะเป็นคนที่เชื่อง่าย หากไม่มีอาจารย์ หรือนักวิจัยออกมาชี้แจงข้อมูลต่างๆ อย่างแท้จริงก็จะเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน