สุรินทร์- พบซากปราสาทขอมโบราณโผล่กลางอ่างเก็บน้ำ อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังแล้งน้ำลด ชาวบ้านเรียก “ปราสาทตะเปียงรุณ” ต้องเดินเท้าเข้าไปเป็นระยะทางกว่า 1 กม. เผยมีการลักลอบขุดค้นนำวัตถุโบราณออกไปขายอื้อ วอนหน่วยงานเกี่ยวข้องเร่งมาสำรวจศึกษา พร้อมพัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์และเป็นสมบัติของชาติสืบไป
วันนี้ (24 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านโอทะลันพัฒนา ต.จรัส อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ ว่า มีการค้นพบซากปราสาทขอมโบราณ ชาวบ้านพากันเรียกว่า “ปราสาทตะเปียงรุณ” ซึ่งเป็นภาษาเขมรแปลว่า ปราสาทที่รายล้อมไปด้วยต้นรุณ ไม้พื้นเมืองโบราณ ผุดขึ้นกลางอ่างเก็บน้ำทำนบ หลังจากอ่างเก็บน้ำแห่งนี้ ซึ่งอยู่ติดกับชายแดนไทย-กัมพูชา ประสบกับภัยแล้งที่ผ่านมาทำให้น้ำลดระดับลงเป็นอย่างมาก
นายนันท์ โพธิ์ธรรม อายุ 75 ปี อยู่บ้านเลขที่ 328 บ้านจรัสพัฒนา ม.8 ต.จรัส อ.บัวเชด ได้นำชิ้นส่วนสำคัญบางส่วนของปราสาทดังกล่าวมามอบให้ทางโรงเรียนบ้านโอทะลันเพื่อเก็บรักษาและให้เป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกบรรดากลุ่มมิจฉาชีพลักลอบนำไปจำหน่ายให้นายทุนชาวต่างประเทศที่ชอบสะสมวัตถุโบราณจนหมดสิ้น จึงต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำรวจข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ต่อไป
ทั้งนี้ จุดที่พบซากของปราสาทโบราณดังกล่าวต้องเดินเท้าเข้าไปเป็นระยะทางกว่า 1 กม. จึงถึงอ่างเก็บน้ำบ้านทำนบ และพบซากปรักหักพังของปราสาทที่ชาวบ้านเรียกว่า ปราสาทตะเปียงรุณ จากสภาพที่เห็นยังพอเหลือเค้าโครงตัวปราสาท 2 องค์ที่ชาวบ้านเรียกว่า องค์เปร๊าะห์ (ภาษาเขมร) หรือ องค์ผู้ชาย และ องค์เสร็ย (ภาษาเขมร) หรือ องค์ผู้หญิง สร้างอยู่เคียงคู่กันเป็นปราสาทเก่าแก่
จากการสอบถามชาวบ้าน และผู้นำชุมชนบริเวณนี้ทราบว่า เคยมีเจ้าหน้าที่จากกรมศิลปากร จ.นครราชสีมา มาทำการสำรวจแล้ว แต่เรื่องกลับเงียบหายไป ขณะที่ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ไม่มีการประสานงานติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เข้ามาดำเนินการใดๆ จึงทำให้ปราสาทดังกล่าวถูกทิ้งร้าง ฤดูน้ำหลากจะจมน้ำหายไป และหน้าแล้งน้ำลดปราสาทดังกล่าวจะผุดขึ้นมาให้เห็น และจากการตรวจสอบพบร่องรอยการขุดค้นหาวัตถุโบราณ ซึ่งเชื่อว่ามีการลักลอบนำออกไปจากพื้นที่แล้วบางส่วน
นายนันท์ โพธิ์ธรรม อายุ 75 ปี อยู่บ้านเลขที่ 328 บ้านจรัสพัฒนา ม.8 ต.จรัส อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ กล่าวว่า เคยมีคนมาขุดได้ก้อนหินเป็นรูปวัวตัวหนึ่ง และปัจจุบันพบร่องรอยการขุดค้นเพื่อหาซากสมบัติลึกลงไปจนกลายเป็นบ่อน้ำขนาดใหญ่ แต่เดิมองค์ปราสาทมีความสูงกว่า 1 เมตร สมัยก่อนมีคนมาขุดค้นหาของเก่ากันทั้งวันทั้งคืน ประกอบกับน้ำท่วมจึงทำให้ปราสาทพังทลาย เมื่อน้ำลดจะผุดขึ้นมาให้เห็น
“ทุกวันนี้ยังมีคนลักลอบมาขุดและนำเอาวัตถุโบราณออกไปจากปราสาทแห่งนี้ เช่น สร้อยคอทองคำ สังวาลย์โบราณ เป็นต้น พวกเราชาวบ้านต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาสำรวจศึกษาและสืบค้นทางประวัติศาสตร์อย่างเป็นเรื่องเป็นราว เพื่อพัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้และเป็นสมบัติของชาติสืบไป” นายนันท์กล่าว