บุรีรัมย์ - ประชาชนผู้มีอาชีพขายพวงมาลัยตามสี่แยกใน 9 อำเภอที่บุรีรัมย์ กว่า 100 คน ร่วมกันบุกร้องขอความช่วยเหลือที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด เผยได้รับความเดือดร้อนไม่มีรายได้ หลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดสั่งห้ามขายพวงมาลัยตามทางแยกไฟแดงมานานกว่า 1 เดือน
วันนี้ (23 พ.ค.) ประชาชนผู้มีอาชีพขายพวงมาลัยตามแยกไฟแดงถนนสายหลักและสายรอง จาก 9 อำเภอในเขตพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ มี อ.ปะคำ ละหานทราย นางรอง กระสัง ประโคนชัย หนองกี่ สตึก พุทไธสง และอำเภอเมือง กว่า 100 คน ร่วมกันเดินทางมายื่นหนังสือร้องศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดที่ศาลากลางจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อขอความช่วยเหลือและขอความเป็นธรรม
หลังได้รับความเดือดร้อนเพราะขาดรายที่จะนำไปเลี้ยงครอบครัว เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัดกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ได้สั่งห้ามไม่ให้ขายพวงมาลัยตามสี่แยก ทั้งถนนสายหลักและสายรอง โดยอ้างว่าขัดต่อกฎหมายจราจร ทั้งเกรงว่าจะส่งผลก่อให้เกิดอุบัติเหตุทั้งผู้สัญจรไปมาและผู้ขาย ได้ทำให้ผู้มีอาชีพขายพวงมาลัยต้องขาดรายได้มาเป็นเวลานานกว่า 1 เดือนแล้ว ต้องประสบปัญหาเดือดร้อนขาดรายได้ที่จะนำไปเลี้ยงครอบครัว
พร้อมขอให้เจ้าหน้าที่ได้ทบทวนนโยบาย และอนุโลมให้ประชาชนผู้ประกอบอาชีพขายพวงมาลัยสามารถขายพวงมาลัยได้เหมือนเดิม เพราะเป็นอาชีพที่ทำกันมานานร่วม 10 ปีแล้ว
จึงร้องขอให้ทางจังหวัดและศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดได้พิจารณาช่วยเหลือกลุ่มผู้ขายพวงมาลัยดังกล่าวด้วย เพราะส่วนมากไม่มีอาชีพอื่นรองรับจึงก่อให้เกิดความเดือดร้อน นอกจากนั้น มาตรการดังกล่าวยังจะส่งผลกระทบต่อชาวบ้านที่มีอาชีพปลูกดอกมะลิขายในหลายพื้นที่อีกด้วย
นางยุพิน จันทร์ไทย ตัวแทนผู้ขายพวงมาลัย กล่าวว่า กลุ่มผู้มีอาชีพขายพวงมาลัยกำลังได้รับความเดือดร้อนจากการสั่งห้ามขายพวงมาลัยของเจ้าหน้าที่ ทำให้ไม่มีอาชีพไม่มีรายได้ไปเลี้ยงครอบครัว จึงวอนขอให้ศูนย์ดำรงธรรมฯ และผู้ว่าราชการจังหวัดช่วยเหลือเพื่อให้กลุ่มผู้ขายพวงมาลัยขายต่อไปได้อย่างเช่นที่ผ่านมา เพราะอาชีพขายพวงมาลัยเป็นอาชีพที่สุจริตสำหรับประชาชนอยู่แล้ว
ต่อมาทางศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดได้มอบหมายให้ พ.ต.นิฐิติพันธ์ แก้วใสสนิท ผู้แทนฝ่ายทหาร ประจำศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดได้มารับเรื่องร้องและชี้แจงถึงแนวทางการแก้ไขให้รับทราบ พร้อมจะนำเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชาและผู้ว่าราชการจังหวัดได้รับทราบ เพื่อที่จะเร่งหาแนวทางช่วยเหลือผู้มีอาชีพขายพวงมาลัยที่กำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วน
เบื้องต้นรับปากว่าจะให้คำตอบภายในหนึ่งสัปดาห์ ประชาชนต่างพอใจและเดินทางกลับในเวลาต่อมา