ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - เครือข่ายตามรอยในหลวง และจิตอาสาเชียงใหม่ ยังคงระดมกำลังต่อเนื่องเร่งมือซ่อมแซมฝาย 23 แห่ง ช่วงกลางของลำน้ำห้วยแก้ว หวังให้เสร็จภายในสุดสัปดาห์นี้ หรือก่อนเข้าฤดูฝน เพื่อให้ทันรองรับกักเก็บน้ำช่วยฟื้นลำน้ำห้วยแก้ว และผืนป่าดอยสุเทพให้กลับมามีความชุ่มชื้น และอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง ระบุหากแล้วเสร็จจะช่วยชะลอ และกักน้ำได้ราว 1 แสนลูกบาศก์เมตร
รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่ แจ้งว่า ตลอดทั้งวันนี้ (21 พ.ค.) เครือข่ายตามรอยในหลวง พร้อมด้วยประชาชน นักเรียน และนักศึกษาในจังหวัดเชียงใหม่ ที่เป็นจิตอาสากว่า 200 คน รวมทั้งกำลังพลจากกองพลทหารราบที่ 7 เชียงใหม่ และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ร่วมกันการขุดลอกตะกอนทรายที่ทับถม และซ่อมแซมฝายต่างๆ ที่อยู่ในลำน้ำห้วยแก้ว ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ที่ไหลจากยอดดอยสุเทพลงสู่ตัวเมืองเชียงใหม่ ซึ่งเป็นกิจกรรมตามโครงการฟื้นฝายตามรอยในหลวง ที่ทำต่อเนื่องกันมาเป็นประจำทุกช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ตลอดเดือนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ กิจกรรมนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อทำให้ฝายชะลอน้ำที่ตั้งอยู่ตามลำน้ำห้วยแก้วอยู่ในสภาพที่ดี พร้อมใช้งานสำหรับชะลอกักเก็บน้ำ และคืนความชุ่มชื้นให้แก่ผืนป่า หลังจากที่ในช่วงฤดูแล้งปีนี้ต้องเผชิญปัญหาความแห้งแล้งรุนแรงที่สุดในรอบหลาย 10 ปี จนทำให้ลำน้ำห้วยแก้วแห้งขอด โดยมีการระดมกำลังจิตอาสาเข้าร่วมทำกิจกรรม และได้รับการสนับสนุนด้านต่างๆ เช่น วัสดุ อุปกรณ์ อาหาร เครื่องดื่ม จากหลายภาคส่วนในการทำกิจกรรมดังกล่าวนี้
สำหรับการดำเนินการตามกิจกรรมครั้งนี้ เบื้องต้น เป็นการดำเนินการขุดลอกตะกอนทรายที่ทับถม และซ่อมแซมฝายในพื้นที่ช่วงกลางของลำน้ำห้วยแก้ว ที่มีฝายจำนวนทั้งสิ้น 23 ฝาย จากทั้งหมดกว่า 300 ฝาย ตลอดลำน้ำห้วยแก้ว ทั้งนี้ ล่าสุดการขุดลอก และซ่อมแซมฝายดังกล่าวมีความคืบหน้าไปแล้วประมาณ 80-90% ซึ่งตามแผนงานของเครือข่ายตามรอยในหลวง กำลังพยายามเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จทั้งหมดภายในช่วงสุดสัปดาห์นี้ หรือก่อนที่จะเข้าสู่ฤดูฝนเพื่อให้ฝายมีสภาพพร้อมรองรับกักเก็บน้ำ
โดยเมื่อดำเนินการเสร็จแล้วมีการประเมินว่า ฝายจำนวนดังกล่าวนี้จะสามารถกักเก็บน้ำได้ประมาณ 100,000 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูลำน้ำห้วยแก้ว และผืนป่าดอยสุเทพให้กลับมามีความชุ่มชื้น และอุดมสมบูรณ์เพิ่มขึ้นจากช่วงที่ผ่านมาได้เป็นอย่างดี รวมทั้งจะเป็นแหล่งกักเก็บน้ำสำรองอีกแหล่งหนึ่งสำหรับหล่อเลี้ยงเมืองเชียงใหม่ในกรณีที่เกิดเหตุความจำเป็นในอนาคต
ทั้งนี้ หลังเสร็จสิ้นกิจกรรมครั้งนี้แล้ว ทางเครือข่ายตามรอยในหลวง ระบุว่า จะยังคงมีการติดตามประเมินผลเพื่อวางแผนงาน และต่อยอดดำเนินการต่อไปในอนาคตด้วย