นอภ.ศรีราชา สนธิกำลังสั่งปิดโรงชำแหละไก่เถื่อน

ศูนย์ข่าวศรีราชา - นอภ.ศรีราชา สนธิกำลังเข้าตรวจสอบโรงชำแหละไก่เถื่อน พื้นที่ตำบลเขาคันทรง หลังพบไม่มีการขออนุญาตจัดตั้ง สร้างปัญหาต่อประชาชน และสิ่งแวดล้อม นอกจากนั้น ยังให้ที่พักพิงแรงงานต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองด้วย พร้อมมีคำสั่งให้ปิดโรงชำแหละเป็นการถาวร



วันนี้ (19 พ.ค.) นายวรญาณ บุญณราช นายอำเภอศรีราชา พร้อมด้วย ปศุสัตว์อำเภอศรีราชา สาธารณสุขอำเภอศรีราชา เทศบาลนครเจ้าพระยาสุรศักดิ์ ตำรวจสถานีตำรวจภูธรบ่อวิน เจ้าหน้าที่ทหาร คสช. ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 เจ้าหน้าอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน ได้เข้าตรวจสอบโรงชำแหละไก่ ในพื้นที่หมู่ 1 ตำบลเขาคันทรง อำเภอศรีราชา หลังได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านถึงกลิ่นเหม็น และน้ำเน่าเสีย

เมื่อไปถึงพบมีคนงานทั้งชาวไทย และชาวต่างด้าวเกือบ 20 คน อยู่ภายในโรงชำแหละ จึงสั่งให้ทุกคนหยุดทำงาน พร้อมตรวจสอบรอบพื้นที่โรงชำแหละ โดยตรวจสอบพบมีแรงงานต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย จำนวน 7 คน นอกจากนั้น บริเวณในโรงชำแหละพบไก่ตายเป็นจำนวนมากกองอยู่ที่พื้นโดยมีผ้าพลาสติกปิดคลุมไว้ และยังพบมีเนื้อไก่ที่ชำแหละเรียบร้อยแล้วแช่เย็นไว้ในถังพลาสติก และมีเนื้อไก่บรรจุใส่ถุงพลาสติกแช่ไว้พร้อมจำหน่ายอีก คาดว่านับ 1,000 กิโลกรัม

ส่วนพื้นที่รอบโรงชำแหละนั้นมีสภาพสกปรก ส่งกลิ่นเหม็นรุนแรง เนื่องจากน้ำที่ล้างซากไก่ไม่มีการบำบัดโดยทิ้ง และมีน้ำเสียขังอยู่รอบพื้นที่ นอกจากนั้น น้ำเสียจากการล้างซากไก่ยังไหลลงห้วยหุบบอน สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนที่อยู่บริเวณลำห้วยดังกล่าวนับ 100 หลังคาเรือน

จากการสอบถาม นางสมใจ นิลศรี อายุ 66 ปี เจ้าของโรงชำแหละไก่ดังกล่าว ชี้แจงว่า โรงชำแหละไก่นั้นเปิดดำเนินการมาแล้ว 5-6 ปี โดยไม่ได้ขออนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด ส่วนไก่ตายนั้นจะมีพ่อค้านำมาส่ง และขายให้กิโลกรัมละ 4 บาท เพื่อนำมาเป็นอาหารให้แก่ปลาดุกรัสเซีย และหมู ที่เลี้ยงไว้ข้างโรงชำแหละ ส่วนเนื้อไก่ที่ชำแหละและแช่ไว้ในถังนั้นจะขายให้แก่ผู้เลี้ยงปลารายอื่นๆ ที่มารับซื้อต่อไป

นายวรญาณ กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่หลายฝ่าย และมีเจ้าหน้าที่ส่งสายสืบมาล่อซื้อไก่ที่ชำแหละนั้น ทางโรงชำแหละจะขายผู้มาซ้อเนื้อไก่กิโลกรัมละ 35 บาท ซึ่งถือว่าไม่ถูกต้อง และผิดกฎหมาย เพราะขั้นตอนนำไก่ที่ตายมายังสถานที่ชำแหละจะต้องขออนุญาตจากหน่วยงานที่รับผิดชอบถึงสามารถเคลื่อนย้ายได้ เพราะการตายของไก่ดังกล่าวอาจเป็นโรคระบาดตาย แต่ได้นำมาชำแหละบริเวณดังกล่าว ซึ่งอาจจะกลายเป็นแหล่งแพร่เชื้อโรคได้ จึงเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายของปศุสัตว์

ล่าสุด นายวรญาณ ได้สั่งการให้เทศบาลนครเจ้าพระยาสุรศักดิ์ สั่งปิดโรงชำแหละไก่เป็นการถาวร พร้อมให้ปศุสัตว์อำเภอศรีราชา ดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2558 มาตรา 34 การเคลื่อนย้ายสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจยังดำเนินคดีต่อเจ้าของโรงชำแหละไก่ ในข้อหาให้ที่พักพิงแก่แรงงานต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองที่ผิดกฎหมายต่อไป