เชียงราย - ชาวเชียงของระดมสมองรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น หลังมีการสร้างสะพานขามแม่น้ำโขง คาดอีกไม่เกิน 3 ปี เชียงของจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จึงต้องมีการรับมือ และรู้เท่าทันอย่างมีสติ
วันนี้ (13 พ.ค.) หน่วยงานทั้งภาครัฐ และประชาชนใน อ.เชียงของ จ.เชียงราย ได้ร่วมกันจัดการเสวนาเรื่อง “หนึ่งเมืองสองแบบ” ณ ห้องประชุมแม่น้้ำโขง โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเชียงของ โดยมี นายวัชรินทร์ นิ่มประทุม นายอำเภอเชียงของ เป็นประธานในพิธีเปิด และในการเสวนามี พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ว.วชิรเมธี) ประธานมูลนิธิมุตตยาลัย พระครูสุจิณวรคุณ ผอ.โรงเรียนโสภณจริยธรรมวิทยา นายนิวัฒน์ ร้อยแก้ว ประธานกลุ่มรักษ์เชียงของ ส่วนภาคเอกชนมีนายพัฒนา สิทธิสมบัติ ประธานคณะกรรมการเพื่อพัฒนาโครงการสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ (คสศ.) หอการค้า 10 จังหวัดภาคเหนือ นายสงวน ซ้อนกลิ่นสกุล รองประธานหอการค้า จ.เชียงราย และนักธุรกิจเชียงของ
นายวัชรินทร์ กล่าวว่า ปัจจุบัน อ.เชียงของ เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายด้าน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ และการเชื่อมโยงกับการค้าชายแดน ดังนั้น ชาวเชียงของต้องร่วมกันรับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว โดยเฉพาะการที่เชียงของมีแม่น้ำโขงเชื่อมไทย-สปป.ลาว นั้นมีข้อตกลงการเดินเรือพาณิชย์แม่น้ำโขงซึ่งทราบว่า ทางการจีนต้องการขยายเส้นทางเดินเรือไปจนถึงเมืองหลวงพระบาง แขวงหลวงพระบาง สปป.ลาว ซึ่งต้องผ่าน อ.เชียงของ เข้าไปใน สปป.ลาว ทำให้ภาพในอนาคตจะเปลี่ยนแปลงหากว่าไทย และ สปป.ลาว มีข้อตกลงกันเรื่องนี้ และทางการจีนมีการตั้งหน่วยงานในพื้นที่เพื่อดำเนินการเรื่องดังกล่าว
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา เรือสินค้ายังไม่ผ่าน อ.เชียงของ แต่หลังจากมีการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงเชื่อมกับ สปป.ลาว แล้วพบว่าเกิดการขนส่งสินค้า และเปลี่ยนแปลงในพื้นที่อย่างมาก ดังนั้น หากมีการเปิดการเดินเรื อและมีเรือบรรทุกสินค้าลำใหญ่ผ่านเข้ามาอีกก็ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงแน่นอน เช่น สิ่งแวดล้อม วิถีชีวิต ฯลฯ
พระมหาวุฒิชัย กล่าวว่า ชาวเชียงของอยู่ในช่วงรอยต่อหลายเรื่องทั้งเรื่องเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ฉะนั้นเป็นเรื่องควรคิดว่าจะรับมืออย่างไรเพื่อให้เรามีส่วนร่วมต่อการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอย่างมีศักดิ์ศรีโดยไม่ได้ตกเป็นทาสของใคร โดยมีการเราเจรจา และรู้เท่าทัน ไม่เป็นลักษณะการโยนสิ่งใดเข้ามาให้แล้วเราต้องรับหมด เพราะของเก่าของบ้านเมืองหลายสิ่งก็ควรอนุรักษ์เอาไว้
พระครูสุจิณวรคุณ กล่าวว่า ในปัจจุบันมีกระแสการพัฒนาหลากหลายเข้าไปยังพื้นที่ อ.เชียงของ ทำให้ชาวเชียงของจำเป็นต้องมีสติที่ดีเพื่ออนุรักษ์ไว้ซึ่งจิตวิญญาณของพื้นที่ และหากปล่อยให้มีการพัฒนาไปโดยไม่มีสติก็จะเปลี่ยนแปลงที่มีผลกระทบอย่างรุนแรงในอีกไม่เกิน 3 ปีแน่นอน