xs
xsm
sm
md
lg

ชาวกาฬสินธุ์โวยนายทุนดูดทรายทำฟาร์มกุ้ง-ที่นาเสียหาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

กลุ่มผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกรามและชาวนาบ้านวังฝั่งแดง ตำบลนาเชือก อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ ร้องศูนย์ดำรงธรรมจ.กาฬสินธุ์ ถึงความเดือดร้อนจากการดูดทราย
กาฬสินธุ์ - กลุ่มผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกรามและชาวนาบ้านวังฝั่งแดง ตำบลนาเชือก อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ โวยนายทุนดูดทรายทำน้ำลด นาแล้ง ตลิ่งทรุด รายได้สูญปีละ 2 แสนบาท ร้องทหาร และฝ่ายปกครองช่วยด่วน!

วันนี้ (12 พ.ค. 59) ที่บริเวณท่าทราย ริมแม่น้ำปาว บ้านวังฝั่งแดง หมู่ 8 ต.นาเชือก อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ พ.อ.สมบัติ จินดาศรี รองผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จ.กาฬสินธุ์ และ พ.อ.สิทธิศักดิ์ พรหมดิเรก เสนาธิการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จ.กาฬสินธุ์ สั่งการให้ ร.ต.ประธาน ประไชโย หัวหน้าชุดปฏิบัติการพื้นที่ กองพันทหารม้าที่ 14 ลงพื้นที่เข้าตรวจสอบปัญหาและไกล่เกลี่ยกรณีพิพาทประชาชนกับผู้ประกอบการดูดทราย โดยมีนายทรงศักดิ์ ภูขามคม นายก อบต.นาเชือก และผู้นำชุมชนร่วมรับฟังข้อมูล

นางสุรินัน สายคำ อายุ 46 ปี บ้านเลขที่ 123 ม.8 บ้านวังฝั่งแดง กล่าวว่า ทุกวันนี้ตนกับเพื่อนเกษตรกรเลี้ยงกุ้งก้ามกรามและมีอาชีพทำนาเลี้ยงครอบครัว กำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากมีนายทุนเข้ามากว้านซื้อที่ดินเป็นบริเวณกว้างเพื่อทำการดูดทราย ซึ่งท่าทรายดังกล่าวอยู่ติดกับพื้นที่นาข้าว และฟาร์มเลี้ยงกุ้งก้ามกรามของตนและเพื่อนบ้าน รวมเนื้อที่ประมาณ 50 ไร่

ปัญหานี้เกิดขึ้นเมื่อนายทุนได้ดูดทรายทุกวัน และขนทรายออกไปจากพื้นที่ ทำให้บริเวณใกล้เคียงที่เคยมีดินอุ้มน้ำกลายเป็นหลุมลึกกว้างใหญ่ ส่งผลให้น้ำในบ่อกุ้งก้ามกรามและน้ำพื้นที่นาลดลงอย่างรวดเร็ว และน้ำแห้งขอด เนื่องจากไม่มีดินอุ้มน้ำ บางจุดตลิ่งทรุด ทำให้พวกตนได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักเพราะต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายสูบน้ำบาดาลเติมเข้าบ่อกุ้งเกือบทุกวัน ทำให้ต้นทุนเลี้ยงกุ้งสูงขึ้น และยังต้องเสี่ยงกับการที่กุ้งจะน็อกตายเนื่องจากน้ำลดลงอย่างรวดเร็ว

ประกอบกับสภาพอากาศที่ร้อนจัดด้วย ที่สำคัญชาวบ้านยังไม่สามารถทำนาได้เหมือนเดิม ทำให้ขาดรายได้จากการทำนา และเสียโอกาสขายผลผลิต คิดเป็นเงินรายได้ที่สูญหายรายละ 2 แสนบาท หากนับรวม 5 ครอบครัวรวมเป็นเงินรายได้ที่สูญไปไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาททีเดียว

ด้านนางคำจันทร์ วงศ์สมศรี อายุ 57 ปี กล่าวว่า พวกตนได้มาปรับพื้นที่นาส่วนหนึ่ง เพื่อเลี้ยงกุ้งก้ามกรามและทำนาบริเวณนี้มาเกือบ 20 ปีแล้ว ทุกปีที่ผ่านมาไม่เคยเกิดปัญหาขึ้น แต่ปีนี้ทันทีที่มีนายทุนเข้ามากว้านซื้อที่ดินบริเวณนี้ และเริ่มดูดทรายกลับเกิดปัญหา ปัญหาที่พบคือปริมาณน้ำในบ่อกุ้งและที่นาไม่สามารถกักเก็บน้ำได้ จึงเชื่อว่าเกิดจากสาเหตุนายทุนดูดทรายและขนย้ายทรายหนี ทำให้บริเวณใกล้เคียงไม่มีดินช่วยอุ้มน้ำ ทำให้น้ำในบ่อกุ้งและที่นาถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็ว

ที่ผ่านมาได้พยายามพูดคุยเพื่อหาทางแก้ปัญหากับนายทุน อย่างน้อยก็ควรจะอยู่ห่างพื้นที่บ่อกุ้งและที่นาของพวกตนไม่น้อยกว่า 100 เมตร แต่ไม่ประสบความสำเร็จ จึงทำหนังสือขอความเป็นธรรมต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์เพื่อหาทางยุติปัญหา

ขณะที่นายนิติธร เยี่ยมสมบัติ ผู้ประกอบการท่าทราย กล่าวว่า จากกรณีชาวบ้านพื้นที่ใกล้เคียงที่ประกอบอาชีพเลี้ยงกุ้งก้ามกรามและทำนา ระบุว่าได้รับผลกระทบจากการที่ตนเข้ามาดูดทรายนั้น เบื้องต้นตนไม่คิดว่าจะเป็นสาเหตุหลัก เนื่องจากสภาพอากาศปีนี้ร้อนและแล้งจัด ทำให้น้ำทั้งบนดินใต้ดินเกิดการระเหยอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม หากจะตรวจสอบตามหลักวิทยาศาสตร์หรือความเป็นจริง ตนก็ยินดีให้ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิสูจน์ หากได้รับผลกระทบจากการดูดทรายจริงก็จะหยุดดูดทราย แต่หากไม่เกิดจากสาเหตุดูดทรายก็จะดำเนินธุรกิจต่อไป

ด้าน พ.ต.ประธาน ประไชโย หัวหน้าชุดปฏิบัติการฯ กล่าวว่า จากการที่ชาวบ้านประกอบอาชีพเลี้ยงกุ้งก้ามกรามและทำนา บ้านวังฝั่งแดง 5 ครอบครัวได้รับผลกระทบจากการดูดทรายบริเวณดังกล่าว และขอให้นายทุนหยุดดูดทราย จึงได้ร่วมกับท้องถิ่น ผู้นำชุมชนเข้าไกล่เกลี่ยและรับฟังปัญหาเพื่อสำรวจผลกระทบทั้งทางชีวภาพ กายภาพ ซึ่งจะได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งชลประทาน กรมเจ้าท่า พิจารณาให้ความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย




กำลังโหลดความคิดเห็น