หนองคาย - พายุลมแรง พัดเรือดูดทรายลาว 2 ลำ ทอดสมออยู่กลางน้ำโขงหลุดมากระแทกกระชังปลาชาวหนองคาย เสียหาย นายอำเภอสั่งการตรวจสอบความเสียหาย ให้สองฝ่ายเจรจา พร้อมหารือทางการลาวป้องกันเหตุซ้ำ
เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (29 เม.ย.) ที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง บ้านพร้าวใต้ หมู่ 7 ต.หินโงม อ.เมืองหนองคาย นายโสภณ ห่วงญาติ นายอำเภอเมืองหนองคาย นาวาโทคณพศ กาญจนเพ็ญ รักษาการหัวหน้าสถานีเรือหนองคาย พ.ต.อ.ปัญญา ปุยนุเคราะห์ ผกก.สภ.บ้านเดื่อ ได้ออกตรวจสอบความเสียหายของกระชังปลาของเกษตรกรบ้านพร้าวใต้
หลังจากเมื่อคืนที่ผ่านมา ช่วงประมาณ 23.00 น. ได้เกิดพายุลมกระโชกแรง แรงลมทำให้เรือดูดทรายสัญชาติลาว 2 ลำ ที่ทอดสมออยู่กลางแม่น้ำโขง ไหลจากจุดที่ทอดสมอเรือ ประมาณ 3 กิโลเมตร ไหลข้ามมาฝั่งไทย และกระแทกเข้ากับกระชังปลานิลที่เกษตรกรเลี้ยงไว้ 2 ราย
รายแรกเป็นของ นายวุฒิศักดิ์ สีหาสุทธิ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 161 หมู่ 7 ต.หินโงม กระชังปลาพังเสียหาย 2 กระชัง จากทั้งหมดที่เลี้ยงไว้ 10 กระชัง เหล็กราวกั้นกระชังหัก ตาข่ายดักปลาขาด ทำให้ปลานิลที่เลี้ยงไว้อายุ 3 เดือน กระชังละ 3,000 ตัว หลุดออกจากกระชัง
ส่วนอีกรายเป็นของ นายนิคม หินวัน อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 155 หมู่ 7 ต.หินโงม เลี้ยงปลากระชัง 10 กระชัง ถูกเรือดูดทรายไหลกระแทกเหล็กราวกั้นกระชังเสียหายเช่นกัน เกษตรกรบอกว่า ปลานิลล็อตนี้เพิ่งเลี้ยงได้ 3 เดือน น้ำหนักเฉลี่ย 5 ขีด
ปกติจะจับปลาขายเมื่อเลี้ยงได้ 6 เดือน ปลาจะมีน้ำหนักประมาณ 1 กิโลกรัม ความเสียหายในครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 3 แสนบาท
นายโสภณ ห่วงญาติ นายอำเภอเมืองหนองคาย กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเหตุสุดวิสัยจากภัยธรรมชาติ ซึ่งได้ให้ตำรวจลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน แล้วสั่งการให้ประมงอำเภอเมืองหนองคาย ตรวจสอบความเสียหายคิดเป็นมูลค่าออกมาอย่างเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย โดยทางเจ้าของเรือดูดทรายลาวได้ส่งตัวแทนมาเจรจาในเบื้องต้นแล้ว
แต่ทางอำเภอขอให้เจ้าหน้าที่ของเมืองหาดทรายฟอง นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว มาพร้อมกับเจ้าของเรือเพื่อมาเจรจาชดใช้ค่าเสียหายให้แก่เกษตรกร และขอรับเรือดูดทรายกลับไป พร้อมกันนี้ จะได้หารือมาตรการแก้ปัญหาไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก
โดยเฉพาะในช่วงพายุลมแรงไม่อยากให้เรือดูดทรายทอดสมอกลางน้ำโขง ขอให้นำกลับเข้าฝั่งให้เรียบร้อย