แพร่ - สมาชิกกลุ่มออมทรัพย์ฯ รวมตัวร้องศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดฯ ครวญเก็บเล็กผสมน้อยร่วมออมทุกเดือน ถูกเบี้ยวสวัสดิการ-จ่ายซองเปล่าค่าศพสมาชิกไม่พอ กรรมการฯ โดนฟ้องจนศาลสั่งยึดทรัพย์ระนาว หนังร่วมค้ำประกันกู้เงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ มาบริหาร แต่ ปธ.กลับไม่ส่งทั้งเงินต้น-ดอกเบี้ย
วันนี้ (10 พ.ค.) นายนภดล โคตรแสน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ต.แม่คำมี อ.เมืองแพร่ นำตัวแทนชาวบ้านกลุ่มออมทรัพย์เครดิตยูเนี่ยนแม่คำมีรวมใจบ้านศรีภูมิ จำนวน 30 คน เข้าร้องต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดแพร่ หลังถูกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนเชียงใหม่ ฟ้องเรียกเงินคืนจากเงินกู้จำนวน 2 รายการ คือ ชุดแรกจำนวน 980,000 บาท และชุด 2 จำนวน 780,000 บาท ซึ่งศาลได้มีคำสั่งยึดทรัพย์เป็นสำนักงานเลขที่ 1/1 หมู่ 4 ต.แม่คำมี อ.เมืองแพร่ พร้อมที่ดินที่ตั้งสำนักงานดังกล่าวในการกู้เงินชุดแรก และสั่งยึดทรัพย์กรรมการทั้ง 13 คน ที่ใช้ชื่อค้ำประกันเงินกู้ชุดที่ 2 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการยึดทรัพย์ นอกจากนั้นยังมีชาวบ้านที่เข้าร่วมออมทรัพย์ถูกเบี้ยวเงินออม และสวัสดิการการเสียชีวิตของสมาชิก
ด้าน น.ส.รัชณีวรรณ ปินใจ นิติกรชำนาญการ ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดแพร่ ที่ได้รับเรื่องและทำการสอบสวนหาข้อเท็จจริง เบื้องต้นพบว่า กลุ่มออมทรัพย์ดังกล่าวก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2552 นายพินิจ พุทธพิทักษ์วงศ์ ประธานกลุ่มฯ ได้ชวนชาวบ้านทำกิจกรรมออมทรัพย์ มีสมาชิกเริ่มแรกทั้ง 13 คนร่วมเป็นผู้บริหาร โดยทำเรื่องกู้เงินกับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนเชียงใหม่ จำนวน 980,000 บาท เพื่อนำมาใช้เป็นทุนซื้อที่ดินพร้อมอาคารพัฒนาเป็นสำนักงาน โดยนำเอาที่ดินสำนักงานดังกล่าว ต่อมาการบริหารเงินหมุนเวียนไม่เพียงพอ จึงไปกู้เงินจากสหกรณ์ออมทรัพย์เครดิตยูเนี่ยนเชียงใหม่ อีกเป็นเงินทุนชุดที่ 2 จำนวน 780,000 บาท นำมาบริหารองค์กร โดยให้กรรมการทุกคนค้ำประกัน ปัจจุบันมีสมาชิกเพิ่มมากขึ้นถึง 500 คน
การออมทรัพย์กลุ่มนี้จะมีการออมทุกเดือน และมีสวัสดิการให้กับสมาชิก พร้อมให้สมาชิกกู้ แรกๆ กู้ได้รายละ 2,000 บาท ผ่อนใช้เดือนละ 500 บาท พร้อมดอกเบี้ย เรียกว่ากู้ฉุกเฉิน แต่ถ้าสมาชิกคนใดที่มีเงินออมมาก ก็จะได้กู้ในวงเงินที่สูงขึ้น ส่วนสวัสดิการผู้เสียชีวิตจะได้รายละ 120,000 บาท ในขณะที่สมาชิกต้องจ่ายศพละ 1 บาท ในช่วงแรกๆ มีการจ่ายเงินสดในงานศพโดยตรง ทำให้ชาวบ้านเห็นความสำคัญจึงเข้าร่วมจำนวนมากขึ้น
กระทั่งปี 2556 มีการจ่ายซองเปล่าให้กับศพสมาชิก เนื่องจากไม่มีเงินมาช่วย ชาวบ้านจึงได้สอบถามไปที่สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนเชียงใหม่ จึงทราบว่า ประธานกลุ่มคือนายพินิจ พุทธพิทักษ์วงศ์ ไม่ส่งทั้งต้นและดอกให้กับสหกรณ์ออมทรัพย์เครดิตยูเนี่ยนเชียงใหม่ แต่แม้ชาวบ้านพบพิรุธก็ยังร่วมกันส่งและบริหารสหกรณ์อยู่ เพราะคิดว่า การบริหารอาจต้องมีความผิดพลาดและแก้ไขได้ จนปี 2558 มีสมาชิกหลายคนไม่ได้รับสวัสดิการตามระเบียบของสหกรณ์ ต่อมาในวันที่ 18 พฤษภาคม 2558 สำนักงานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน กรุงเทพฯ มีหนังสือให้กลุ่มฯชำระหนี้และไถ่ถอนจำนอง แต่ไม่มีการดำเนินการ ทำให้มีการฟ้องต่อศาล ล่าสุดศาลมีคำสั่งยึดสำนักงาน และยึดทรัพย์กรรมการทั้ง 13 คนที่ค้ำประกัน
นางยุพิน อินต๊ะอิน อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 173 / 2 หมู่ 4 ต.แม่คำมี อ.เมืองแพร่ กล่าวว่า ตนเป็นกรรมการชุดแรก เมื่อเห็นว่าไม่ชอบมาพากล ได้ทำการลาออก แต่ก็ไม่พ้นการถูกยึดทรัพย์ ความจริงแล้วนายนายพินิจ พุทธพิทักษ์วงศ์ ที่ซักชวนชาวบ้านร่วมกลุ่มยืนยันมาตลอดว่าจะเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด ดังนั้นเงินที่เข้ามาในกลุ่มนายพินิจเป็นผู้เก็บเงินไปแต่เพียงผู้เดียว ไม่ผ่านแม้แต่เหรัญญิกกลุ่ม
นางยุพินบอกว่า มาถึงวันนี้ตนและสมาชิกไม่กลัวอิทธิพลใดๆ อีกแล้ว จึงพากันเข้าร้องต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดแพร่ เพื่อให้หาทางช่วยชาวบ้านที่เป็นกรรมการทั้ง 13 คนที่จะถูกยึดทรัพย์โดยคำสั่งศาล และสมาชิกสหกรณ์อีกราว 500 คน ที่ต้องสูญเสียเงินออมทรัพย์ พร้อมสวัสดิการที่จะได้รับไปทั้งหมด
“หลายคนมีฐานะยากจนและในปีนี้แห้งแล้งมากไม่สามารถทำกินได้เนื่องจากยังไม่มีฝนตกมาเลยยังมาถูกซ้ำเติมด้วยการโกงกินในกลุ่มออมทรัพย์”
ขณะที่นายพินิจ พุทธพิทักษ์วงศ์ ที่มีชื่อเป็นประธานที่ก่อตั้งกลุ่มฯ เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า ยืนยันที่จะใช้เงินคืนให้กับชาวบ้าน ขณะนี้กำลังขายทรัพย์สินมูลค่า 3 ล้านบาท เพื่อนำเงินมาชดใช้ให้กับสหกรณ์และความเสียหายของชาวบ้าน
อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านเล่าว่า เมื่อวันที่ 22 ต.ค. 2558 ชาวบ้านเคยเข้าร้องต่อศูนย์ดำรงธรรมระดับอำเภอมาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งนายพินิจก็รับปากจะชดใช้เงินให้ โดยนัดวันที่ 3 ธ.ค. 2558 แต่ก็ผิดนัดและไม่มีการชดใช้ หรือแก้ไขความเสียหายจนมาถึงปัจจุบันซึ่งนายพินิจเกี่ยวพันกลุ่มลูกหนี้หลายกลุ่มทั้งในวงข้าราชการครู ชาวบ้านมั่นใจว่าอาจจะมีคนที่เสียรู้ตกเป็นเหยื่ออีกจำนวนมาก จึงขอให้ทางราชการเข้ามาคลี่คลายปัญหาดังกล่าว