เพชรบุรี - ชาวบ้านชะอำ รวมตัวประท้วงการรถไฟฯ หลังปิดทางข้ามรถไฟบริเวณจุดเกิดเหตุรถไฟชนกระบะดับ 4 ศพเมื่อวานนี้ สุดท้ายการรถไฟฯ ยอมเปิดทางให้ใช้ 30 วัน ก่อนที่จะปิดเส้นทางอีก
เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (7 พ.ค.) ชาวบ้านชุมชนบ้านห้วยทรายเหนือ ชุมชนหนองคาง บ้านหนองตะกวด บ้านหนองพรม บ้านหนองเสือขบ กว่า 100 คน นำโดย นายสมใจ น้อยสะอาด อายุ 72 ปี ประธานชุมชนห้วยทรายเหนือ เดินทางมายังบริเวณจุดตัดทางรถไฟแบบลักผ่านไม่มีไม้กั้น หรือสัญญาณเตือนภัย กม.198/1-2 ภายในย่านสถานีห้วยทรายเหนือ เขตเทศบาลเมืองชะอำ ต.ชะอำ จ.เพชรบุรี ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุรถไฟชนรถยนต์กระบะ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตทันที 4 ศพในที่เกิดเหตุ เมื่อวันที่ 6 พ.ค.59 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ชาวบ้านได้รวมตัวกันมาเพื่อประท้วงการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่นำหมอนรถไฟคอนกรีตยาวประมาณ 10 เมตร กว่า 10 แท่ง มาวางขวางกั้นเพื่อไม่ให้รถทุกชนิดข้ามผ่านเมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยไม่ได้รับฟังความคิดเห็นชาวบ้านแต่อย่างใด สร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านที่ใช้เส้นทางสัญจรไปมาเป็นอย่างมาก
โดยมี นายศักรินทร์ ทุมเสน นายอำเภอชะอำ เข้ามาเจรจา และเชิญเข้าร่วมพูดคุยที่ห้องประชุมโรงเรียนเทศบาล 6 ห้วยทรายเหนือ พร้อมเชิญ นายสมยุทธ์ เรือนงาม รองผู้อำนวยการฝ่ายเดินรถ การรถไฟแห่งประเทศไทย ร.ต.ท.สันติ บรรจง รอง สว.ป.ส.รฟ. (หัวหิน) กก.3 บก.รฟ. และเจ้าหน้าที่ตำรวจรถไฟร่วมชี้แจง
การเจรจาใช้เวลานานกว่า 4 ชั่วโมง จึงได้ข้อสรุป โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย ยอมเปิดเส้นทางตัดรถไฟให้แก่ชาวบ้านได้ใช้ตามปกติเป็นเวลา 30 วัน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน และได้ทำบันทึกข้อตกลงกันระหว่างอำเภอชะอำ การรถไฟแห่งประเทศไทย เทศบาลเมืองชะอำ ตำรวจรถไฟ และทหารจากมณฑลทหารบกที่ 15 และประธานชุมชน
นายสุรินทร์ นาครัฐ ชาวบ้านในพื้นที่บอกว่า เส้นทางจุดตัดทางรถไฟดังกล่าวชาวบ้านได้อาศัยสัญจรผ่านไปมาตั้งแต่สมัยรุ่นคุณปู่ คุณย่า ใช้มานานกว่า 100 ปี ก่อนที่จะมีรถไฟวิ่งผ่านเส้นทางนี้ ที่ผ่านมา ชาวบ้านในพื้นที่ไม่เคยประสบอุบัติเหตุถูกรถไฟชนแต่อย่างใด มีแต่คนนอกพื้นที่ที่ประสบอุบัติเหตุถูกรถไฟชนเนื่องจากไม่คุ้นเคยเส้นทาง และที่เจ้าหน้าที่การรถไฟฯ นำหมอนรถไฟคอนกรีตมาปิดกั้นเพื่อไม่ให้รถผ่านไปมานั้นไม่มีการถามความคิดเห็นจากชาวบ้าน
อีกทั้งยังสร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านเป็นอย่างมาก เนื่องจากต้องเลี่ยงไปข้ามผ่านที่ทางตัดรถไฟชุมชนบ้านหนองคาง ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเดิมประมาณ 300 เมตร โดยเส้นทางดังกล่าวเป็นทางแคบ ลำบาก และเสียเวลาในการเดินทาง เพราะชาวบ้านต้องนำสินค้าทางการเกษตรไปขาย และใช้สัญจรไปมา อีกทั้งชาวบ้านต้องการไม้กั้นเพื่อเป็นการป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้
นายสมยุทธ์ เรือนงาม รองผู้อำนวยการฝ่ายเดินรถ การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ได้ทำการชี้แจงต่อชาวบ้านถึงเหตุที่การรถไฟฯ ต้องปิดเส้นทางดังกล่าว เนื่องจากบริเวณนี้เป็นจุดตัดทางรถไฟแบบลักผ่านไม่มีไม้กั้น หรือสัญญาณเตือนภัย เป็นเหตุทำให้รถไฟขบวนนำเที่ยวสายด่วนกรุงเทพฯ-สวนสนประดิพัทธ์ ชนกับรถกระบะทำให้มีผู้เสียชีวิต จำนวน 4 ราย เมื่อวันที่ 6 พ.ค.59 ที่ผ่านมา ซึ่งทางผู้ว่าฯ การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ห่วงความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน จึงสั่งปิดเส้นทางดังกล่าว
แต่เนื่องจากชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน โดยทางผู้ว่าฯ การรถไฟฯ ได้ผ่อนผันให้เปิดใช้เส้นทางเฉพาะรถจักรยานยนต์ รถจักรยาน และรถเข็นข้ามผ่านเท่านั้น โดยข้อเสนอดังกล่าวชาวบ้านไม่พอใจ เนื่องจากเห็นว่าควรจะเปิดให้รถทุกชนิดข้ามผ่าน และให้การรถไฟฯ ทำที่กั้น และสร้างสัญลักษณ์ป้ายเตือนรถไฟให้ชัดเจน แต่ทางการรถไฟฯ ได้ปฏิเสธเนื่องจากที่ชุมชนบ้านหนองคาง ซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่เกิดเหตุประมาณ 300 เมตร มีจุดตัดผ่านรถไฟ และมีเครื่องกั้นอย่างถูกต้องอยู่แล้ว จึงไม่สามารถทำได้เนื่องจากผิดกฎระเบียบของทางการรถไฟฯ ทำให้เหตุการณ์เริ่มบานปลาย
จนในที่สุด ผู้ว่าฯ การรถไฟฯ ได้ยินยอมเปิดทางให้รถทุกชนิดสัญจรผ่านไปมาได้ และได้ทำข้อบันทึกตกลงกับชาวบ้านว่า การรถไฟฯ อนุญาตให้เปิดใช้เส้นทางได้ในระยะเวลาแค่ 30 วัน โดยระหว่างนี้ให้ทางเทศบาลเมืองชะอำ จัดเจ้าหน้าที่ อปพร.เฝ้าเส้นทาง และอำนวยความสะดวกบริเวณทางผ่านตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมให้เทศบาลเมืองชะอำ ดำเนินการปรับปรุงถนนฝั่งทิศตะวันตกเลียบทางรถไฟ จากทางผ่าน กม.198/1-2 ภายในย่านสถานีห้วยทรายเหนือ-หนองเสือขบ ไปเชื่อมต่อกับถนนบริเวณทางผ่าน กม.198/4-5 (หนองคาง-หนองตะกวด) เมื่อครบกำหนด 30 วันแล้ว การรถไฟฯ จะดำเนินการปิดทางผ่านนี้ต่อไป
