เชียงใหม่ - ทหาร มทบ.33 เชิญอาจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่-นักกิจกรรม เข้าค่ายพูดคุยทำความเข้าใจ หลังทำกิจกรรมเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์กลางข่วงประตูท่าแพหลายเดือนก่อน
วันนี้ (3 พ.ค.) พล.ต.โกศล ประทุมชาติ ผู้บัญชามณฑลทหารบกที่ 22 ได้เชิญให้ รศ.ดร.ปิ่นแก้ว เหลืองอร่ามศรี อาจารย์ประจำภาควิชาสังคมวิทยามานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พร้อมนักวิชาการ และนักกิจกรรม เช่น น.ส.สุชาดา จักรพิสุทธิ์, น.ส.รจเรข วัฒนะพานิชย์ จ้าของร้านหนังสือบุ๊ครีพับลิก ผู้ได้รับรางวัล “ผู้หญิงกล้าหาญ” จากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา, ดร.สมชาย ปรีชาศิลปกุล, นายชำนาญ จันทร์เรือง, จ.ส.ต.หาญศักดิ์ เบญจศรีพิทักษ์, นายสุรพงษ์ ศรีพรหม เป็นต้น เข้าพบภายในกองบัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33
ในหนังสือเชิญที่ทำถึงอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระบุว่า เป็นการเชิญมาให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ทางการราชการ และอาศัยอำนาจตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558
นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่ทหารยังมีการติดต่อเชิญ น.ส.รจเรข วัฒนพาณิชย์ เจ้าของร้านหนังสือบุ๊ครีพับลิก ผู้ได้รับรางวัล “ผู้หญิงกล้าหาญ” จากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา พร้อมกับนักกิจกรรมอีก 1 ราย เข้าพบในเวลาเดียวกันอีกด้วย รวมแล้วมีผู้ถูกเรียกพบจำนวน 3 ราย
หลังจาก รศ.ดร.ปิ่นแก้ว พร้อมกับนักกิจกรรมและประชาชน ราว 10 คน ได้ทำกิจกรรมโดยสวมเสื้อสีขาว ไปยืนเฉยๆ พร้อมกับถ่ายรูปบริเวณข่วงประตูท่าแพ เมื่อเย็นวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา เพื่อแสดงออกถึงการเรียกร้องให้ปล่อยตัวแอดมินเพจการเมือง 8 คนที่ถูกจับกุม
ในการเข้าพบเจ้าหน้าที่ทหารวันนี้มีนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ประชาชน และสื่อมวลชน มากกว่า 20 คน เข้ารอสังเกตการณ์บริเวณศาลาภายในค่ายกาวิละซึ่งทั้งสามคนถูกนำตัวเข้าไปพูดคุยกับรองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 เจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ภายในห้องประชุมของค่ายกาวิละ โดยไม่ให้ผู้ติดตามเข้าไป และการพูดคุยใช้เวลาราว 2 ชั่วโมงเศษ
รศ.ดร.ปิ่นแก้วระบุว่า เจ้าหน้าที่ได้พูดคุยขอความร่วมมือเรื่องการเคลื่อนไหวทางการเมือง เพราะยังเป็นช่วงที่บ้านเมืองยังอยู่ในสถานการณ์พิเศษ โดยการที่ออกไปยืนแสดงออกทางสัญลักษณ์ และมีการโพสต์รูปพร้อมข้อความระบุว่า “เสรีภาพ เสรีภาพ” อาจกลายเป็นไปเยี่ยงอย่างให้กลุ่มอื่นๆ กระทำตาม และทำให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย
นอกจากนั้นยังมีการแลกเปลี่ยนกับเจ้าหน้าที่เรื่องความหมายของคำว่ากิจกรรมทางการเมือง เพราะการที่ประชาชนไปยืนเฉยๆ ไม่ได้มีการแสดงสัญลักษณ์ทางการเมืองใดๆ ก็ถือเป็นการแสดงออกโดยสันติวิธี และไม่ได้ทำให้เกิดความไม่สงบ ซึ่งทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ก็เข้าใจในเรื่องดังกล่าว
รศ.ดร.ปิ่นแก้วระบุด้วยว่า เข้าใจว่าทหารเองก็มีบทบาทในการรายงานความเคลื่อนไหวต่างๆ ไปยังกองทัพภาคที่ 3 ขณะที่ประชาชนเองก็ยืนยันเรื่องเสรีภาพในการแสดงออก จึงมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนว่าจะไปเจอกันได้อย่างไร ทหารยังขอว่าหากมีการจัดงานใดๆ ขอให้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ยังระบุว่าถ้ายังมีการเคลื่อนไหวทางการเมืองอีก อาจต้องใช้มาตรการเด็ดขาดในครั้งหน้า แต่ไม่ได้มีการให้เซ็นเอกสารข้อตกลงใดๆ