xs
xsm
sm
md
lg

อุดรฯ ออกแถลงการณ์แจงเหตุปัญหาสร้างธรรมเจดีย์ “หลวงตามหาบัว” ชี้มีกลุ่มคนบิดเบือนข้อมูล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


อุดรธานี - จังหวัดอุดรธานี ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 1/2559 แจงเหตุปัญหาโครงการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน) ชี้มีบุคคลไม่เกี่ยวข้องโครงการฯ บิดเบือนข้อมูลออกเผยแพร่โลกโซเชียล ทำให้สาธารณชนเข้าใจผิด ฮื่ม! หากปลุกระดมก่อความไม่สงบในบ้านเมืององค์ประกอบความผิดชัด อาจต้องดำเนินการตามกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีปัญหาไม่เข้าใจกันระหว่างคณะศิษยานุศิษย์ทั้งบรรพชิต และฆราวาส กับผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ตามที่สื่อได้เสนอไปแล้วในโครงการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน) ล่าสุด จังหวัดอุดรธานี ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 1/2559 เรื่อง โครงการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน)

ทั้งนี้ แถลงการณ์ระบุว่า ตามที่พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน) ละสังขารดับขันธ์ปรินิพพาน เมื่อวันที่ 30 มกราคม 255 และคณะศิษยานุศิษย์ทั้งบรรพชิต และฆราวาสเห็นพ้องต้องกันที่จะก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์เพื่อถวายสักการะ โดยขอพระราชทานกราบทูลเชิญสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จฯ เป็นองค์ประธานทรงวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2556 ที่บริเวณจิตตกาธาน (ซึ่งเป็นสถานที่เดิมอันกำหนดไว้เป็นสถานที่สำหรับก่อสร้างตามที่คณะสงฆ์ได้ประชุม ณ กุฏิหลวงปู่ลี เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2555)

จากนั้นได้มีการเร่งรัดดำเนินโครงการก่อสร้าง ด้วยกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของ พระเถระผู้ใหญ่ที่มีอาวุโสสูง กอปรกับในเวลาต่อมา คณะสงฆ์ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์ฯ ได้ขอเปลี่ยนแปลงสถานที่ก่อสร้าง การดำเนินงานจึงได้ชะลอไว้ระยะเวลาหนึ่ง จนกระทั่งเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2557 คณะสงฆ์ได้มีหนังสือเจริญพรสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงรับเป็นองค์ประธานดำเนินโครงการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์ฯ อีกครั้งหนึ่ง

โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ และคณะ เป็นผู้ออกแบบก่อสร้าง ซึ่งต้องดำเนินการใหม่ทั้งหมดด้วยเหตุที่มีการเปลี่ยนแปลงสถานที่ก่อสร้าง ทั้งนี้ จังหวัดอุดรธานี ร่วมกับสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ และวัดป่าบ้านตาด พร้อมส่วนราชการ และผู้เกี่ยวข้องได้ประชุมปรึกษาหารือกำหนดแนวทางการดำเนินงาน โดยรวบรวมแปลงที่ดินต่างๆ ที่มีการบริจาคให้วัดป่าบ้านตาด รวมเป็นโฉนดฉบับเดียว มีเนื้อที่รวม 181 ไร่ 3 งาน 37 ตารางวา

ซึ่งวัดป่าบ้านตาด ได้มอบให้จังหวัดอุดรธานีเป็นหน่วยดำเนินงาน และบริหารจัดการโครงการดังกล่าว พร้อมทั้งได้ส่งมอบพื้นที่การก่อสร้างเพื่อยืนยันให้ใช้พื้นที่แปลงนี้ไปยังสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ สำหรับใช้ประกอบการออกแบบก่อสร้างฯ จังหวัด และวัดป่าบ้านตาด ก็ได้แต่งตั้งกรรมการขึ้นเพื่อดำเนินการตามโครงการ

จนกระทั่งในเดือนกรกฎาคม 2558 การออกแบบแล้วเสร็จ และได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เห็นชอบแบบก่อสร้าง ประกอบด้วย พระเจดีย์ พระวิหาร และพิพิธภัณฑ์ ทั้งนี้ มีการนำออกเผยแพร่ต่อสาธารณชนตลอดมา โดยแบบแปลนดังกล่าวมีการจดลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย พร้อมทั้งจังหวัดอุดรธานี ได้รับมอบแบบแปลนเป็นที่ถูกต้องเรียบร้อยแล้ว แต่เนื่องจากยังปรากฏว่ามีการเผยแพร่ข้อความที่ไม่เหมาะสม และก่อให้เกิดความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง

ดังนั้น จึงขอแถลงให้ทราบ ดังนี้ 1.ภายหลัง นายชยาวุธ จันทร ย้ายมาดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2558 ได้มีโอกาสไปร่วมประชุมปรึกษาหารือการเตรียมงานก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์ฯ เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2558 ณ สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์

ซึ่งในการประชุมครั้งนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ได้เสนอให้กำหนดขอบเขตการก่อสร้างตามรูปแบบที่ฝ่ายออกแบบได้จัดทำไว้แล้ว โดยพล็อตแบบร่างลงบนผังที่ดินเพื่อจังหวัดจะได้ปักหลักเขตตามสภาพภูมิประเทศจริง แล้วกราบนิมนต์พระสงฆ์ผู้ใหญ่มาตรวจสอบ เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกันว่า พื้นที่ที่จะก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์ฯ มีอาณาเขตเพียงใด

2.ต่อมา ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี และคณะได้ไปกราบนมัสการพระอาจารย์สุดใจ ทันตมโน ณ วัดป่าบ้านตาด โดยนิมนต์หลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ และหลวงปู่ลี กุสลธโร ร่วมอยู่ด้วย ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ได้ชี้แจงร่างแบบแปลน และผังสถานที่ก่อสร้างให้พระเถระทั้ง 3 รูปได้รับทราบ ทั้งนี้ หลวงปู่ลีฯ ยินยอมให้มีการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์ฯ ได้ แต่ขอให้เหลือเฉพาะพระเจดีย์องค์เดียว สำหรับตำแหน่งที่จะก่อสร้างให้ขยับไปสร้างบริเวณที่ดินที่หลวงปู่ลีฯ ได้เตรียมไว้

3.พระอาจารย์สุดใจฯ เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด ได้ลงนามในประกาศวัดเกษร-ศีลคุณ (วัดป่าบ้านตาด) แต่งตั้งคณะที่ปรึกษา และคณะกรรมการอำนวยการการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์ฯ ลงวันที่ 18 พฤศจิกายน 2558 โดยมีคณะที่ปรึกษาประกอบด้วย นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ประสานงานโครงการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน) แม่ทัพภาคที่ 2 นายอำนาจ ผการัตน์ นายกอบเกียรติ กาญจนะ นายศิริ คูสกุล และนายสุพจน์ แสนรุ่งเมือง โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เป็นประธานกรรมการอำนวยการการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์ฯ ซึ่งมีการจัดการประชุมมาโดยลำดับรวม 3 ครั้ง

4.พระอาจารย์สุดใจฯ ได้นัดหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เดินทางไปยังวัดป่าบ้านตาด เพื่อรับมอบหนังสือฉบับลงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2559 ซึ่งลงนามโดยพระอาจารย์สุดใจฯ เจริญพรสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เพื่อมอบโครงการฯ ให้พระองค์ดำเนินการตามพระประสงค์ หลังจากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ได้ทำหนังสือถึงนายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ประสานงานโครงการฯ ให้นำถวายขึ้นกราบบังคมทูลตามขั้นตอน จากนั้นมีหนังสือจากสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ลงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2559 ตอบกลับมายังจังหวัดอุดรธานี มอบอำนาจให้จังหวัดเป็นหน่วยดำเนินโครงการ

5.เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2559 จังหวัดอุดรธานี ได้จัดประชุมระหว่างคณะที่ปรึกษา คณะกรรมการอำนวยการการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์ฯ คณะทำงานกำหนดแนวเขตและปักหลักเขตการก่อสร้าง ร่วมกับคณะทำงานที่ได้รับมอบหมายจากสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ และคณะทำงานฝ่ายออกแบบเพื่อหารือแนวทางการขับเคลื่อนงานตามโครงการฯ

ซึ่งในวันดังกล่าว นายจิรศักดิ์ โพธิ์ขำ หัวหน้าสำนักงานกองทุนพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ ได้ส่งมอบแบบแปลนก่อสร้างพระเจดีย์พระธรรมวิสุทธิมงคล และพระวิหารพระธรรมวิสุทธิมงคล ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานีอย่างเป็นทางการ โดยมี นายวิเชษฐ์ สุวิสิทฐ์ คณะออกแบบพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์ฯ และนายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ประสานงานโครงการฯ ร่วมลงนามในฐานะพยานโดยมีผลสรุปจากการประชุมให้จังหวัดดำเนินงานตามรูปแบบที่ได้รับมอบไว้แล้ว

6.ต่อมา วันที่ 31 มีนาคม 2559 ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี และคณะ ประกอบด้วย เสนาธิการมณฑลทหารบกที่ 24 ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด อุดรธานี และนายอำเภอหนองวัวซอ ได้ไปกราบนมัสการหลวงปู่ลีฯ เพื่อขอเมตตาให้คำแนะนำเกี่ยวกับแบบแปลนที่จังหวัดได้รับมอบไว้อย่างเป็นทางการ และพื้นที่ดำเนินงานที่ยังไม่สอดคล้องต่อที่หลวงปู่ลีฯ ได้เคยชี้แนะไว้ตามข้อ 2 ซึ่งหลวงปู่ลีฯ ได้เมตตาอย่างสูงยิ่งบอกกล่าวให้ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ไปปรึกษาหารือเรื่องนี้กับพระอาจารย์สุดใจฯ และพระอาจารย์อินทร์ถวายฯ เนื่องจากสุขภาพของหลวงปู่ลีฯ ไม่เอื้ออำนวย นอกจากนั้น หลวงปู่ลีฯ ยังได้มอบวัตถุมงคลให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี และคณะ ก่อนกราบนมัสการลาไปด้วยความปีติยิ่ง

7.ในวันที่ 1 เมษายน 2559 ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี และคณะได้ไปกราบนมัสการพระอาจารย์สุดใจฯ ที่วัดป่าบ้านตาด เพื่อกราบเรียนข้อมูลเรื่องที่ได้รับความเมตตาจากหลวงปู่ลีฯ ให้มาปรึกษาหารือแนวทางการดำเนินโครงการฯ กับพระอาจารย์สุดใจฯ และพระอาจารย์อินทร์ถวายฯ หลังจากนั้น พระอาจารย์สุดใจฯ ก็ได้ลงนามในแบบคำขออนุญาตปลูกสร้างอาคารพระเจดีย์ในฐานะเจ้าอาวาสวัด โดยนายทะเบียนท้องถิ่นเทศบาลตำบลบ้านตาด ได้ลงนามอนุญาตเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2559

8.ต่อมา ปรากฏสำเนาหนังสือวัดป่าบ้านตาด ที่ พิเศษ 016/2559 ลงวันที่ 10 เมษายน 2559 ลงนามโดยพระสุดใจฯ เจริญพรสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เพื่อขอยืนยันให้ก่อสร้างเฉพาะ “พระเจดีย์” และให้ไปก่อสร้างบนพื้นที่ที่หลวงปู่ลีฯ เตรียมไว้แล้ว ซึ่งไม่สอดคล้องต่อแบบแปลนที่จังหวัดอุดรธานีได้รับ อีกทั้งตำแหน่งที่จะก่อสร้างเป็นพื้นที่ไม่ตรงกัน ทั้งนี้ หนังสือฉบับดังกล่าวมิได้ส่งผ่านจังหวัดอุดรธานีตามช่องทางที่ได้กำหนดเป็นหลักการไว้แต่อย่างใด

หากแต่จังหวัดได้รับทราบจากการเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ จึงได้เชิญประชุมคณะที่ปรึกษา และคณะกรรมการอำนวยการในวันที่ 11 เมษายน 2559 โดยนิมนต์พระอาจารย์สุดใจฯ และพระอาจารย์อินทร์ถวายฯ เข้าร่วมด้วย ในฐานะที่เป็นพระเถระที่หลวงปู่ลีฯ ได้เมตตาต่อผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ให้ไปขอรับคำปรึกษาเกี่ยวกับการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์ฯ

9.ในการประชุมตามข้อ 8 ปรากฏว่า มีคณะสงฆ์ และฆราวาสที่มิได้เป็นคณะกรรมการเข้าร่วมสังเกตการณ์การประชุมด้วยจำนวนหนึ่ง ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ในฐานะประธานที่ประชุม มิได้กีดกัน หรือห้ามปรามมิให้เข้ารับฟังแต่อย่างใด ระหว่างการประชุมได้มีบุคคลภายนอกที่เข้ามาอยู่ในห้องประชุมใช้โทรศัพท์มือถือบันทึกภาพ และเสียงการประชุมที่บริเวณด้านหน้าห้องประชุมโดยตลอด

อีกทั้งบุคคลนี้ได้ส่งเสียงกล่าวแทรกขึ้นมาในขณะที่พระอาจารย์สุดใจฯ กำลังไตร่ตรองเพื่อชี้แจงในประเด็นที่เป็นสาระสำคัญอย่างขาดสัมมาคารวะ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ในฐานะประธานที่ประชุมจึงได้ตักเตือนมิให้กระทำการในลักษณะนั้น และ พล.ต.อำนวย จุลโนนยาง ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 24 ได้สั่งริบอุปกรณ์บันทึกภาพ และเสียงของบุคคลดังกล่าวเพื่อลบข้อมูลที่บันทึกไว้ และสั่งห้ามมิให้นำไปเผยแพร่ต่อบุคคลภายนอกหากมิได้รับอนุญาต

อย่างไรก็ตาม การประชุมสามารถดำเนินต่อไปได้ แต่เนื่องจากความเห็นของพระอาจารย์สุดใจฯ และพระอาจารย์อินทร์ถวายฯ ยังไม่สอดคล้องกัน ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ได้นิมนต์คณะสงฆ์ทุกรูปแยกไปหารือเป็นการภายในเพื่อหาข้อยุติ โดยพระรัฐวีร์ ฐิตวีโร (พระกอไผ่) ที่เข้ามาร่วมรับฟังการประชุมได้เสนอให้นายอำนาจ ผการัตน์ กรรมการที่ปรึกษาเข้าร่วมรับฟังการประชุมภายในของคณะสงฆ์ด้วย จากนั้นคณะสงฆ์ และนายอำนาจ ผการัตน์ ได้แยกไปหารือในห้องประชุมศาลากลางจังหวัด ชั้น 2

10. หลังจากเวลาได้ผ่านไประยะหนึ่ง นายอำนาจ ผการัตน์ พระอาจารย์สุดใจฯ และพระอาจารย์อินทร์ถวายฯ ได้กลับเข้ามายังห้องประชุมใหญ่ ชั้น 5 พร้อมแจ้งว่า พระรัฐวีร์ มิได้เข้าร่วมปรึกษาหารือแต่อย่างใด ซึ่งที่ประชุมได้อภิปรายอีกเป็นเวลาพอสมควร สุดท้ายลงความเห็นว่าให้ชะลอการดำเนินโครงการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์ฯ จนกว่าจะได้รับความชัดเจน

ถัดมาระยะหนึ่งได้มีการเผยแพร่หนังสือโจมตีผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี และพระอาจารย์อินทร์ถวายฯ ผ่านสื่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งสร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชนเป็นอย่างมาก เช่น การไม่ให้ความเป็นธรรม การใช้อารมณ์ การก้าวล่วงหลวงปู่ลีฯ เป็นต้น โดยเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง และสร้างความแตกแยกก่อให้เกิดความร้าวฉานในสังคมอย่างเป็นที่น่าสลดใจยิ่ง

อนึ่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ในฐานะพุทธศาสนิกชน และเป็นผู้ที่เคารพเลื่อมใสต่อองค์หลวงปู่ลีฯ มีความเสียใจต่อการกระทำของกลุ่มบุคคลดังกล่าวที่ทำให้พุทธศาสนิกชน ตลอดจนศิษยานุศิษย์บางส่วนสำคัญผิดในข้อเท็จจริง

หากแต่ได้ใช้หลักขันติธรรม และอโหสิกรรมเป็นที่ตั้ง มิได้ถือโทษโกรธเคืองผู้หนึ่งผู้ใดเป็นการส่วนตัว ด้วยเชื่อมั่นในหลักกฎแห่งกรรม อย่างไรก็ตาม การที่บุคคลใดนำเข้าข้อมูลข่าวสารอันเป็นเท็จผ่านระบบอินเทอร์เน็ต หรือใช้ข้อความในลักษณะปลุกระดมให้เกิดความรุนแรง หรือก่อความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมือง พนักงานเจ้าหน้าที่อาจพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายได้ หากเป็นการกระทำที่ครบองค์ประกอบความผิด ซึ่งผู้นั้นจำต้องรับผิดชอบในผลแห่งกรรมที่ทำ




กำลังโหลดความคิดเห็น