เชียงใหม่ - เครือข่ายคนเชียงใหม่ไม่เอาหมอกควันรุกต่อ หาช่องดันรัฐบาลนายกฯ ตู่ประกาศแก้ปัญหาหมอกควันไฟป่าคลุมภาคเหนือเป็น “วาระแห่งชาติ” หลังเกิดวิกฤตซ้ำซากทุกปี ชี้เป้าชัดนายทุนใหญ่หนุนชาวบ้านปลูกข้าวโพดรุกป่าเป็นเหตุ
วันนี้ (26 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังคนเชียงใหม่ รวมถึงนักท่องเที่ยวทั้งไทย-ต่างประเทศ ออกมาสวมหน้ากากอนามัย รวมตัวกันชูป้าย “ไม่เอาหมอกควัน” พร้อมแสดงสัญลักษณ์มือไขว้หน้าลานพระบรมราชานุสาวรีย์สามกษัตริย์ กลางเมืองเชียงใหม่ เพื่อแสดงพลังเรียกร้องให้ภาครัฐที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหาหมอกควันไฟป่าที่เกิดขึ้น จนส่งผลกระทบต่อสุขภาพคนเชียงใหม่-8 จังหวัดภาคเหนือ รวมถึงธุรกิจการท่องเที่ยว
ล่าสุดขณะนี้ภาคประชาชนในเชียงใหม่ที่ออกมาเคลื่อนไหวร่วมกันครั้งนี้เริ่มยกระดับข้อเรียกร้องให้ภาครัฐทุกระดับตั้งแต่รัฐบาลลงมา ถึงระดับจังหวัด-อปท. เร่งหาทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำซากทุกปี เรียกร้องให้รัฐบาลประกาศให้การแก้ปัญหาหมอกควันไฟป่าคลุมภาคเหนือเป็นวาระแห่งชาติ โดยอาจจะเสนอผ่านคณะกรรมการร่วมระหว่างภาครัฐเอกชน (กรอ.) หรือจังหวัดฯ ในระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี / หัวหน้า คสช.เดินทางมาปฏิบัติภารกิจที่เชียงใหม่ ในวันพรุ่งนี้ (27 เม.ย.) ด้วย
นักวิชาการ และประชาชนชาวเชียงใหม่ฟันธงว่าสาเหตุที่ทำให้หมอกควันไฟป่าปกคลุมเชียงใหม่ และอีกหลายจังหวัดภาคเหนือ ในห้วงตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-เมษายน ซ้ำซากทุกปี เพราะมีนายทุนมาส่งเสริมให้ชาวบ้านปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ซึ่งเฉพาะพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่มีพื้นที่ปลูกข้าวโพดมากกว่า 2 แสนไร่ แต่ปลูกในที่ดินที่มีเอกสารสิทธิเพียงแค่ 2 หมื่นไร่ นอกนั้นเป็นการบุกรุกพื้นที่ป่า
แต่ละปีชาวบ้านก็จะเผาตอซังข้าวโพดจนไฟลุกลามไหม้ป่าเขตอุทยานฯ และป่าอนุรักษ์ รวมทั้งพื้นที่การเกษตรจนเกิดปัญหาหมอกควันปกคลุมมาเป็นประจำทุกปี จึงอยากให้ทางรัฐบาลมีการแก้ปัญหาอย่างถาวร เพื่อให้ปีต่อไปปัญหาหมอกควันลดลง หรือหายไปจากจังหวัดเชียงใหม่ และภาคเหนืออย่างสิ้นเชิง
ด้านนายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่จะเดินทางมาปฏิบัติราชการที่เชียงใหม่ในวันพรุ่งนี้ (27 เม.ย.) ว่า ภารกิจหลักของนายกรัฐมนตรีเป็นการมาดูโครงการหลวงประจำปี และติดตามความก้าวหน้าของอุทยานหลวงราชพฤกษ์ ที่น้อมนำเอาแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาใช้ในการพัฒนาจนประสบความสำเร็จ เพื่อนำไปประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบ
โดยนายกรัฐมนตรี และคณะจะใช้พื้นที่ภายในอุทยานหลวงราชพฤกษ์ฯ เป็นหลักในการปฏิบัติราชการครั้งนี้ พร้อมทั้งมอบใบสิทธิให้แก่ประชาชนเกี่ยวกับป่าชุมชน และมอบเงินช่วยเหลือ โครงการเกษตรใช้ช่วงฤดูแล้ง มอบเครื่องมือการเกษตรให้แก่ประชาชน รวมทั้งติดตามความคืบหน้าโครงการต่างๆ ของรัฐบาลว่าประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด
ส่วนประชาชนที่จะมาร้องเรียนสามารถทำได้ โดยจะมีเจ้าหน้าที่คอยรับเรื่องร้องเรียนไว้บริเวณหน้าอุทยานหลวงราชพฤกษ์ ซึ่งบ่ายวันนี้ (27 เม.ย.) ก็จะมีการซักซ้อมในการเตรียมต้อนรับนายกรัฐมนตรีด้วย