ฉะเชิงเทรา - ชาวบ้านในสองอำเภอพื้นที่ห่างไกลเมืองแปดริ้ว ตื่นตัว หลังทราบข่าวโครงการยักษ์เตรียมผุดในพื้นที่ ต่างพากันสนับสนุนขอให้มีการก่อตั้งสนามทดสอบยานยนต์และล้อยางในเขตพื้นที่จริง โดยคาดหวังทางด้านการค้าขาย และการจ้างงาน ตลอดจนความคึกคักของผู้คนที่จะเข้ามาช่วยหนุนด้านเศรษฐกิจในพื้นที่
วันนี้ (24 เม.ย.) นางอรวรรณ บัวเจริญ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 168 ม.2 ต.ลาดกระทิง อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา แม่ค้าเร่ขายไก่ย่าง ไส้กรอก และหมูปิ้ง ตามตลาดนัดในหมู่บ้าน และชุมชนขนาดเล็กในพื้นที่ อ.สนามชัยเขต กล่าวว่า ที่ผ่านมาไม่เคยทราบถึงโครงการก่อสร้างศูนย์ทดสอบยานยนต์และล้อยางในเขตพื้นที่ดังกล่าวนี้มาก่อนเลย และเพิ่งทราบจากทางผู้สื่อข่าวในครั้งนี้ ซึ่งตนก็เห็นว่าเป็นเรื่องดี เพราะอาจจะทำให้คนในพื้นที่มีงานทำ เพราะปัจจุบันนี้มีคนในพื้นที่ตกงานกันเป็นจำนวนมาก
อีกทั้งยังจะทำให้แม่ค้าทำการค้าขายของได้ดีขึ้น ขายได้เพิ่มขึ้น เพราะหากมีคนงานเข้ามามากขึ้น คนในพื้นที่ก็จะมีรายได้เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย และจะยิ่งทำให้เศรษฐกิจในพื้นที่ดีขึ้นตามกันไป โดยไม่คิดว่าจะทำให้เกิดความวุ่นวายอะไรในพื้นที่ หากจะมีคนเข้ามาอาศัยอยู่ในพื้นที่เพิ่มขึ้น เพราะคนยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่าไหร่ก็จะยิ่งดี เพราะตนมีอาชีพเป็นแม่ค้าก็ต้องชอบที่จะขายของให้แก่ผู้คนได้เยอะๆ หากมีคนเข้ามาอยู่กันเยอะก็จะทำให้ตนขายของได้เยอะมากขึ้นตามไปด้วย นางอรวรรณ กล่าว
ขณะที่ นางเบญจา ศิริมหา อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 144 ม.2 ต.ลาดกระทิง อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา แม่ค้าขายอาหารตามสั่งริมทางถนนสาย 3259 เดิม กล่าวว่า ไม่เคยทราบเรื่องดังกล่าวนี้มาก่อนเลย และไม่เคยได้ยินใครพูดถึง แต่ที่ผ่านมา ในพื้นที่บริเวณนี้ก็ได้เคยมีบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่มีโรงงานอยู่ในอำเภอใกล้เคียง (โตโยต้า) ได้นำเอารถยนต์มาวิ่งทดสอบอยู่ตามท้องถนนอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว เพราะถนนบริเวณนี้มีรถวิ่งผ่านในพื้นที่น้อยมาก บางครั้งมากันเป็นจำนวนมากถึง 20-30 คัน
โดยที่ทราบว่าเป็นรถทดสอบเพราะเห็นมีตัวหนังสือติดไว้ที่ด้านข้างของตัวรถว่าเป็นรถทดลองขับ แต่ก็ไม่เคยได้ไถ่ถาม หรือคุยกับพวกเขา โดยจะมีเข้ามาทำการทดสอบกันเป็นระยะ ครั้งละ 2-3 วัน บางครั้งก็มาสัปดาห์ละครั้ง หรือบางครั้งก็ห่างกันเป็นเดือน แต่ถ้าหากเข้ามาก่อตั้งโรงงาน หรือศูนย์ทดสอบในพื้นที่นี้ก็ดี เพราะชาวบ้านจะได้มีงานทำกัน และจะทำให้เศรษฐกิจในย่านหมู่บ้านนี้ดีขึ้นด้วย โดยเฉพาะการค้าขายก็จะทำให้แม่ค้าขายของได้ดีขึ้นด้วย
ส่วนความคาดหวังในอนาคตนั้นก็ยังไม่ได้คาดหวังอะไร เพราะยังไม่ทราบในรายละเอียดว่าจะมีโครงการนี้เกิดขึ้นจริงหรือไม่ แต่หากมีเกิดขึ้นจริงก็ถือว่าเป็นเรื่องดี ชาวบ้านจะได้มีงานทำมากกว่าเดิม และการค้าการขายก็จะดีขึ้นกว่าเดิมด้วย นางเบญจา กล่าว
ด้าน นางทองใจ สุขแสวง อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 214/1 ม.18 ต.คลองตะเกรา อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา เกษตรกรผู้มีอาชีพรับจ้างทำไร่ กล่าวว่า หากมีโครงการดังกล่าวเข้ามาจริงก็ถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะจะทำให้คนในพื้นที่มีงานทำ โดยเฉพาะบุตรหลานที่ยังไม่มีงานทำ จะได้ไม่ต้องออกไปเที่ยวเตร่ หรือรวมกลุ่มกันขับรถเล่นไปวันๆ คนทำการค้าก็จะได้ค้าขายดีขึ้นกว่าเดิม โดยในปัจจุบันนี้ มีแต่ความเงียบเหงา หากมีโครงการเข้ามาจริงๆ ก็ถือว่าจะเป็นผลดีต่อชุมชนนี้
จากที่ชาวบ้านเคยมีรายได้น้อยอย่างในทุกวันนี้ก็อาจจะทำให้มีรายได้กันเพิ่มมากขึ้น ยิ่งมีคนเข้ามามากก็น่าจะยิ่งทำให้ชาวบ้านได้มีโอกาสทำกินกันได้มากขึ้น เพราะคนเข้ามาเป็นจำนวนมากก็จะยิ่งทำให้มีกำลังซื้อในพื้นที่มากขึ้นตามไปด้วย และจะทำให้ชาวบ้านคิดจะค้าจะขายอะไรก็จะขายกันได้ง่ายขึ้นด้วย คนตกงานจะได้มีงานทำ และจะช่วยทำให้ชาวบ้านไม่ต้องคิดกันมากว่าจะไปหารายได้จากที่ไหนมาเลี้ยงปากท้องคนในครอบครัว
สำหรับปัจจุบันนี้ ในพื้นที่สภาพเศรษฐกิจก็ย่ำแย่ ไม่ดีเอาอย่างมาก เพราะมีงานให้ทำน้อยลง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นงานในไร่ และสวนยางพารา ขณะที่ยางพาราก็ยังราคาตกต่ำจึงทำให้ไม่มีรายได้อะไร เพราะไม่มีใครจ้างให้ไปกรีดยาง จนมีหลายคนหันไปทำงานก่อสร้าง บางครั้งก็ไปเจอกับหัวหน้างานนายจ้างที่ไม่ดีก็เหนื่อยเปล่า ไม่ได้เงินค่าแรง แต่ถ้าไปเจอหัวหน้างานดีก็ได้เงินกลับมา นางทองใจ กล่าว