กาฬสินธุ์ - เจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามการโจรกรรมรถตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์สนธิกำลังกับทหารกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดกาฬสินธุ์ สำนักงานขนส่ง และ สคบ.กาฬสินธุ์ นำหมายศาลจังหวัดกาฬสินธุ์เข้าตรวจค้นเต็นท์รถมือสองกลางเมือง หลังชาวบ้านแจ้งความร้องทุกข์ซื้อรถตัดประกอบแชสซีส์หลอกขาย
จากกรณีนายพงษ์ธนพล มหาชัย อายุ 46 ปี และนายหัด จอดนอก อายุ 45 ปี ชาว อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พ.ต.ท.สุเทพ ภูกัณหา หัวหน้าพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ และ ร.ต.อ.พงษ์ศักดิ์ อารีย์เอื้อ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ให้ดำเนินคดีต่อห้างหุ้นส่วนจำกัดเพชรยานยนต์สาขากาฬสินธุ์ หรือเต็นท์รถมือสองเพชรยานยนต์ ในข้อหาปลอมแปลงเอกสารทางราชการ และฉ้อโกงประชาชน เนื่องจากทั้งสองรายซื้อรถกระบะที่เต็นท์รถดังกล่าวแต่กลับไม่สามารถนำมาใช้ได้เพราะรถมีการตัดประกอบเลขแชสซีส์จนถูกปฏิเสธการตรวจสภาพจากสำนักงานขนส่งจังหวัดกาฬสินธุ์ แต่ก่อนหน้านั้นรถคันดังกล่าวกลับถูกตรวจสภาพให้ผ่านโดยสำนักงานขนส่ง จ.สกลนคร
ล่าสุดวันนี้ (21 เม.ย. 59) พล.ต.ต.อภิชิต เทียนเพิ่มพูล ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ สั่งการให้ พ.ต.ท.ชัชชัย ไหมวันทา สว.สส.กก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ ในฐานะหัวหน้าชุดปราบปรามการโจรกรรมรถ, ร.ต.อ.ภูดิส ชัยชนะ รอง สว.สส.กก.ภ.จว.กาฬสินธุ์, ร.ท.ธนัฐ เดิมทำรัมย์ หัวหน้าชุดปฏิบัติการมวลชนสัมพันธ์ กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จ.กาฬสินธุ์, นายพรชัย จันทรพรม หัวหน้าฝ่ายตรวจสภาพรถ สำนักงานขนส่ง จ.กาฬสินธุ์ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และเจ้าหน้าที่ สคบ.ประจำ จ.กาฬสินธุ์ นำหมายค้นจากศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ เลขที่ 123/2559 เข้าตรวจค้นเต็นท์รถมือสองเพชรยานยนต์ เลขที่ 40/9-12 ถนนถีนานนท์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์
การเข้าตรวจค้นครั้งนี้ยังมีนายพงษ์ธนพล มหาชัย และนายหัด จอดนอก ผู้เสียหายเดินทางเข้าไปยืนยันว่าซื้อรถมาจากเต็นท์ดังกล่าวอีกด้วย แต่ไม่พบตัวเจ้าของเต็นท์รถดังกล่าว ซึ่งพนักงานแจ้งว่าไม่อยู่เดินทางไปต่างจังหวัด มีเพียงพนักงานขาย 7-8 คนเท่านั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบเลขแชสซีส์ ทะเบียน เลขตัวเครื่อง ใบคู่มือรถ และขอตรวจสอบใบกำกับซื้อ ใบกำกับขาย ของรถยนต์มือสองทั้งหมด 32 คันที่จอดอยู่ในเต็นท์ เบื้องต้นไม่พบการตัดต่อเลขแชสซีส์รถ ส่วนเอกสารใบกำกับซื้อ ใบกำกับขาย พนักงานระบุว่ายังไม่สามารถนำมาตรวจสอบได้ เนื่องจากเอกสารทั้งหมดอยู่ที่สำนักงานใหญ่ที่ จ.สกลนคร
อย่างไรก็ตาม จากการสอบของเจ้าหน้าที่ สคบ.พบว่า รถยนต์มือสองทั้งหมด 32 คันมีจำนวน 14 คันทำผิด พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค โดยไม่ติดใบแสดงสลาก ตามประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสลาก ฉบับที่ 35 พ.ศ. 2556 เรื่องให้รถยนต์ที่ใช้แล้วเป็นสินค้าที่ควบคุมสลาก เพื่อแสดงรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับตัวรถให้ลูกค้าได้รับทราบก่อนซื้อ ส่วนรถที่เหลืออีก 18 คันติดสลากไม่ถูกต้อง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินการตามขั้นตอนและได้ว่ากล่าวตักเตือน พร้อมกำชับผู้ประกอบการนำป้ายเข้ามาติดไว้ตามกฎหมายให้ถูกต้อง
พ.ต.ท.ชัชชัย ไหมวันทา สว.สส.กก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ ในฐานะหัวหน้าชุดปราบปรามการโจรกรรมรถ กล่าวว่า การเข้าตรวจค้นครั้งนี้เกิดขึ้นตามนโยบายของ พล.ต.ต.อภิชิต เทียนเพิ่มพูล ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ ซึ่งมอบหมายให้ พ.ต.อ.วิเชียร พินดวง รอง ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะทำงานการปราบปรามการโจรกรรมรถ ให้ตำรวจดำเนินการปราบปรามอย่างจริงจัง เนื่องจากมีประชาชนเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ไว้ว่าซื้อรถออกมาจากเต็นท์รถแห่งนี้
จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานภาค 4 ก็พบว่ารถยนต์ทั้ง 2 คันมีการตัดต่อเลขแชสซีส์จริง ซึ่งจากการตรวจสอบรถยนต์ที่จอดอยู่ครั้งนี้เบื้องต้นยังไม่พบรถตัดต่อแชสซีส์ แต่เจ้าหน้าที่พบการทำผิด พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค โดยไม่แสดงสลากที่บอกรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับตัวรถทั้งหมด ดังนั้นเจ้าหน้าที่จึงขอตรวจสอบเอกสารทั้งหมด ซึ่งจะต้องใช้เวลา
พ.ต.ท.ชัชชัยกล่าวอีกว่า สำหรับปัญหาดังกล่าวด้านความเสียหาย ทราบว่าเจ้าของเต็นท์รถมือสองได้เข้าเจรจากับผู้เสียหายทั้ง 2 คนแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องระหว่างทั้งสองฝ่ายจะตกลงชดใช้ค่าเสียหายกันเอง แต่ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์จะต้องแจ้งข้อหาฉ้อโกงกับเจ้าของเต็นท์รถต่อไป อยากฝากถึงประชาชนที่นิยมใช้รถมือสอง ให้เลือกซื้อรถจากร้านที่มีคุณธรรม มีมาตรฐาน ส่วนเต็นท์รถมือสองก็ไม่ควรเอาเปรียบลูกค้า หากประชาชนที่ซื้อรถมือสองและสงสัยว่าจะเป็นรถตัดเลขแชสซีส์ประกอบ ให้เข้ามาร้องทุกข์ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้ทันที