ฉะเชิงเทรา - เกิดเหตุวุ่นวายเกิดขึ้นชวนสยองป่วนกันทั้งหมู่บ้าน หลังโครงการหมู่บ้านจัดสรรรายใหญ่เข้ามาบุกเบิกพื้นที่รกร้างเมืองแปดริ้ว เตรียมผุดหมู่บ้านหรู ผงะ เจอเนินคล้ายหลุมฝังศพ พร้อมเครื่องเซ่นไหว้ อีกทั้งยังมีหลักหมุดผูกผ้าสามสีอย่างดี สุดท้ายหลังสอบถามคนเก่าแก่พื้นเพเดิมในพื้นที่ได้รับคำตอบว่า เป็นเพียงจอมปลวกเก่าที่ได้ละลายหายไปนานแล้ว
วันนี้ (21 เม.ย.) ร.ต.ต.บุญรอด เกตุสุวรรณ เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจประจำตู้ยามตำบลวังตะเคียน อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งเหตุจากชาวบ้าน ว่า มีผู้พบเนินนูนลักษณะคล้ายกับหลุมฝังศพ โดยที่ด้านข้างหลุมมีซากหลักหมุดไม้เก่าที่มีผ้าสามสีผูกติดไว้วางอยู่ พร้อมเครื่องเซ่นไหว้ ทั้งแก้วน้ำ แจกัน กระถางธูป เศษขวดสุราขาว อีกทั้งยังมีหลักหมุดซึ่งทำด้วยสเตนเลสอย่างดีปักอยู่ที่ด้านบนเนินดังกล่าวด้วย
ในที่เกิดเหตุอยู่ภายในเส้นทางถนนเลียบชายคลองท่าไข่ ม.6 ต.วังตะเคียน อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา จึงเดินทางไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ พร้อมประสานงานกำลังฝ่ายสืบสวน และร้อยเวรคดีอาญาประจำวัน พบเป็นพื้นที่รกร้างว่างเปล่า บนเนื้อที่ประมาณ 40 ไร่ มีต้นไม้น้อยใหญ่ขึ้นรกปกคลุมไปทั่วบริเวณ โดยมีรถแบ็กโฮ จำนวน 2 คัน พร้อมคนงานกำลังทำการบุกเบิก และปรับสภาพพื้นที่ ห่างจากแนวถนนเลียบชายคลองไปประมาณ 40 เมตร พบเนินดินซึ่งมีลักษณะนูนเป็นสันเด่นอยู่กลางแปลงพื้นที่ที่ได้มีการเปิดเอาวัชพืช และต้นไม้หน้าดินออกไปบางส่วนแล้ว
สอบถาม นายพีรพงษ์ งามดี อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 109 ม.4 ต.โนนหัน อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น คนงานขับรถแบ็กโฮ กล่าวว่า พวกตนประกอบด้วย รถแบ็กโฮ จำนวน 2 คันได้เข้ามาปรับพื้นที่ในบริเวณดังกล่าวเพื่อจัดทำเป็นโครงการหมู่บ้านจัดสรรมาเป็นเวลา 2 วันแล้ว โดยในวันนี้ได้เข้ามาปรับพื้นที่บริเวณด้านท้ายแปลงเป็นวันที่ 3
หลังจากเปิดพื้นที่นำต้นไม้ และวัชพืชออก ได้พบเห็นกับเนินดินดังกล่าวผุดโผล่ขึ้นมาจากใต้ร่มไม้ที่รกทึบ จึงได้ทำการแจงให้แก่ทางหัวหน้าคนงาน และทางโครงการหมู่บ้านจัดสรรทราบ ก่อนที่จะแจ้งไปยังทางเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ให้ทราบถึงสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นดังกล่าว เพราะทุกคนต่างไม่ทราบว่าเนินดินดังกล่าวนี้เป็นอะไรกันแน่ เนื่องจากเป็นคนที่มาจากต่างถิ่นด้วยกันทั้งหมด
เมื่อสอบถามไปยังชาวบ้านในพื้นที่ส่วนใหญ่นั้น ต่างก็เป็นคนรุ่นใหม่ทั้งหมด จึงยังไม่มีใครทราบว่าเนินดินดังกล่าวนี้เป็นเนินอะไรกันแน่อีกเช่นเดียวกัน พวกตน และคนงานทั้งหมดจึงได้หลีกเลี่ยงไม่กล้าเข้าไปขุดปรับแต่งพื้นที่ หรือยุ่งเกี่ยว เพราะไม่อยากลบหลู่สิ่งที่มองไม่เห็นในบริเวณนี้ จึงต้องรอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เข้ามาตรวจสอบให้เกิดความแน่ชัดก่อน
ขณะที่ น.ส.พัชรี ซื้อยาสุข อายุ 40 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ต.วังตะเคียน ผู้นำชุมชนท้องที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า ที่ดินแปลงดังกล่าวในบริเวณนี้ได้ถูกปล่อยให้รกร้างมาเป็นเวลานานหลายสิบปีแล้ว เนื่องจากทางเจ้าของเดิมซึ่งเป็นคนในพื้นที่นั้นได้มีการขายไปให้แก่คนที่อื่น จากนั้นยังได้มีการขายต่อกันไปอีกหลายทอดจนไม่รู้ว่าที่ดินแปลงนี้เป็นของใครบ้าง จึงไม่ทราบว่าเนินดินดังกล่าวนี้เป็นเนินอะไร หรือเป็นหลุมฝังศพหรือไม่ เพราะเกิดขึ้นมาตั้งแต่คนรุ่นก่อน
แต่เมื่อสอบถามจากชาวบ้านซึ่งเป็นคนเก่าคนแก่ดั้งเดิมที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงนั้น ทราบว่า เนินดินดังกล่าวนี้เป็นเพียงจอมปลวกขนาดใหญ่ที่ได้สลายตัวยุบลงมานานแล้ว แต่ก็ยังมีชาวบ้านบางคนเข้ามาทำการเซ่นไหว้อยู่เท่านั้น จึงเชื่อว่าไม่น่ามีอะไร เพราะเป็นเพียงความเชื่อของคนรุ่นเก่าในบริเวณนี้เท่านั้น
หลังจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้ให้คนงานใช้จอบขุดดูโดยรอบหลุม และนำรถแบ็กโฮทำการขุดเปิดหน้าดินตรงบริเวณเนินนูนจุดดังกล่าวออกดู กลับไม่พบอะไรถูกฝังอยู่เช่นเดียวกัน แต่มีเพียงเหตุการณ์ทางความเชื่อเฉพาะบุคคลเกิดขึ้นบ้างเท่านั้น
หลังจากทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการขุดพื้นดินพิสูจน์ความสงสัยให้เกิดความกระจ่างแล้วนั้น ชาวบ้านจำนวนกว่า 50 คน ที่เดินทางมามุงดู พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จึงต่างพากันเดินทางกลับไปในที่สุด ขณะที่คนงานก็ต่างพากันเดินหน้าปรับพื้นที่ในบริเวณดังกล่าวต่อไป ท่ามกลางความกังขาของคนงานที่ได้ประสบเหตุการณ์ประหลาดที่มองไม่เห็นด้วยตนเองต่อหน้าผู้สื่อข่าว
วันนี้ (21 เม.ย.) ร.ต.ต.บุญรอด เกตุสุวรรณ เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจประจำตู้ยามตำบลวังตะเคียน อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งเหตุจากชาวบ้าน ว่า มีผู้พบเนินนูนลักษณะคล้ายกับหลุมฝังศพ โดยที่ด้านข้างหลุมมีซากหลักหมุดไม้เก่าที่มีผ้าสามสีผูกติดไว้วางอยู่ พร้อมเครื่องเซ่นไหว้ ทั้งแก้วน้ำ แจกัน กระถางธูป เศษขวดสุราขาว อีกทั้งยังมีหลักหมุดซึ่งทำด้วยสเตนเลสอย่างดีปักอยู่ที่ด้านบนเนินดังกล่าวด้วย
ในที่เกิดเหตุอยู่ภายในเส้นทางถนนเลียบชายคลองท่าไข่ ม.6 ต.วังตะเคียน อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา จึงเดินทางไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ พร้อมประสานงานกำลังฝ่ายสืบสวน และร้อยเวรคดีอาญาประจำวัน พบเป็นพื้นที่รกร้างว่างเปล่า บนเนื้อที่ประมาณ 40 ไร่ มีต้นไม้น้อยใหญ่ขึ้นรกปกคลุมไปทั่วบริเวณ โดยมีรถแบ็กโฮ จำนวน 2 คัน พร้อมคนงานกำลังทำการบุกเบิก และปรับสภาพพื้นที่ ห่างจากแนวถนนเลียบชายคลองไปประมาณ 40 เมตร พบเนินดินซึ่งมีลักษณะนูนเป็นสันเด่นอยู่กลางแปลงพื้นที่ที่ได้มีการเปิดเอาวัชพืช และต้นไม้หน้าดินออกไปบางส่วนแล้ว
สอบถาม นายพีรพงษ์ งามดี อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 109 ม.4 ต.โนนหัน อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น คนงานขับรถแบ็กโฮ กล่าวว่า พวกตนประกอบด้วย รถแบ็กโฮ จำนวน 2 คันได้เข้ามาปรับพื้นที่ในบริเวณดังกล่าวเพื่อจัดทำเป็นโครงการหมู่บ้านจัดสรรมาเป็นเวลา 2 วันแล้ว โดยในวันนี้ได้เข้ามาปรับพื้นที่บริเวณด้านท้ายแปลงเป็นวันที่ 3
หลังจากเปิดพื้นที่นำต้นไม้ และวัชพืชออก ได้พบเห็นกับเนินดินดังกล่าวผุดโผล่ขึ้นมาจากใต้ร่มไม้ที่รกทึบ จึงได้ทำการแจงให้แก่ทางหัวหน้าคนงาน และทางโครงการหมู่บ้านจัดสรรทราบ ก่อนที่จะแจ้งไปยังทางเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ให้ทราบถึงสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นดังกล่าว เพราะทุกคนต่างไม่ทราบว่าเนินดินดังกล่าวนี้เป็นอะไรกันแน่ เนื่องจากเป็นคนที่มาจากต่างถิ่นด้วยกันทั้งหมด
เมื่อสอบถามไปยังชาวบ้านในพื้นที่ส่วนใหญ่นั้น ต่างก็เป็นคนรุ่นใหม่ทั้งหมด จึงยังไม่มีใครทราบว่าเนินดินดังกล่าวนี้เป็นเนินอะไรกันแน่อีกเช่นเดียวกัน พวกตน และคนงานทั้งหมดจึงได้หลีกเลี่ยงไม่กล้าเข้าไปขุดปรับแต่งพื้นที่ หรือยุ่งเกี่ยว เพราะไม่อยากลบหลู่สิ่งที่มองไม่เห็นในบริเวณนี้ จึงต้องรอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เข้ามาตรวจสอบให้เกิดความแน่ชัดก่อน
ขณะที่ น.ส.พัชรี ซื้อยาสุข อายุ 40 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ต.วังตะเคียน ผู้นำชุมชนท้องที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า ที่ดินแปลงดังกล่าวในบริเวณนี้ได้ถูกปล่อยให้รกร้างมาเป็นเวลานานหลายสิบปีแล้ว เนื่องจากทางเจ้าของเดิมซึ่งเป็นคนในพื้นที่นั้นได้มีการขายไปให้แก่คนที่อื่น จากนั้นยังได้มีการขายต่อกันไปอีกหลายทอดจนไม่รู้ว่าที่ดินแปลงนี้เป็นของใครบ้าง จึงไม่ทราบว่าเนินดินดังกล่าวนี้เป็นเนินอะไร หรือเป็นหลุมฝังศพหรือไม่ เพราะเกิดขึ้นมาตั้งแต่คนรุ่นก่อน
แต่เมื่อสอบถามจากชาวบ้านซึ่งเป็นคนเก่าคนแก่ดั้งเดิมที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงนั้น ทราบว่า เนินดินดังกล่าวนี้เป็นเพียงจอมปลวกขนาดใหญ่ที่ได้สลายตัวยุบลงมานานแล้ว แต่ก็ยังมีชาวบ้านบางคนเข้ามาทำการเซ่นไหว้อยู่เท่านั้น จึงเชื่อว่าไม่น่ามีอะไร เพราะเป็นเพียงความเชื่อของคนรุ่นเก่าในบริเวณนี้เท่านั้น
หลังจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้ให้คนงานใช้จอบขุดดูโดยรอบหลุม และนำรถแบ็กโฮทำการขุดเปิดหน้าดินตรงบริเวณเนินนูนจุดดังกล่าวออกดู กลับไม่พบอะไรถูกฝังอยู่เช่นเดียวกัน แต่มีเพียงเหตุการณ์ทางความเชื่อเฉพาะบุคคลเกิดขึ้นบ้างเท่านั้น
หลังจากทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการขุดพื้นดินพิสูจน์ความสงสัยให้เกิดความกระจ่างแล้วนั้น ชาวบ้านจำนวนกว่า 50 คน ที่เดินทางมามุงดู พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จึงต่างพากันเดินทางกลับไปในที่สุด ขณะที่คนงานก็ต่างพากันเดินหน้าปรับพื้นที่ในบริเวณดังกล่าวต่อไป ท่ามกลางความกังขาของคนงานที่ได้ประสบเหตุการณ์ประหลาดที่มองไม่เห็นด้วยตนเองต่อหน้าผู้สื่อข่าว
