จันทบุรี - ภัยแล้งคุกคามเขื่อนหลักระดับน้ำลดลงต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อชาวสวนใน 3 อำเภอ ขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร คาดปริมาณน้ำที่มีอยู่จะใช้ได้ถึงช่วงกลางเดือนพฤษภาคม 2559 นี้ หากไม่มีฝนตกลงมาจะทำให้พื้นที่ 3 อำเภอ เกิดวิกฤตอย่างแน่นอน
วันนี้ (21 เม.ย.) นายวิสุทธิ ประกอบความดี ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดจันทบุรี พร้อมคณะ ได้ออกไปสำรวจระดับน้ำในเขื่อนหลัก คือ เขื่อนคิรีธาร พบว่า ระดับน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด เหลือน้ำในเขื่อนประมาณ 46 เปอร์เซ็นต์ และเขื่อนดังกล่าวได้มีการปล่อยน้ำไปช่วยเหลือเกษตรกรกรชาวสวนใน 3 อำเภอ คือ อำเภอเมือง มะขาม และอำเภอขลุง รวมทั้งพื้นที่จังหวัดตราดบางส่วน
ล่าสุด ปริมาณน้ำในเขื่อนที่ลดน้อยลงส่งผลทำให้พื้นที่การการเกษตร ใน 3 อำเภอ เริ่มได้รับผลกระทบขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตรแล้ว ทำให้เกษตรกรชาวสวนต้องมีการซื้อน้ำมารดสวนผลไม้เพื่อเป็นการพยุงไม่ให้ต้นได้รับความเสียหายไปมากกว่านี้ ส่วนผลผลิตที่ออกมาในปีนี้ก็ไม่ได้ผลเท่าที่ควรเพราะขาดน้ำ แม้การช่วยเหลือของทางท้องถิ่นในพื้นที่จะมีการนำรถบรรทุกน้ำออกมาแจกจ่ายน้ำ แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกรชาวสวน
นายวิสุทธิ ประกอบความดี ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดจันทบุรี กล่าวว่า สถานการณ์ภัยแล้งในจังหวัดจันทบุรี ณ เวลานี้ ขยายวงกว้างอยู่ในขั้นเกือบๆ จะวิกฤต แต่ยังอยู่ในภาวะที่บริหารจัดการได้จนถึงเดือนพฤษภาคม หลังจากนั้น ฝนไม่ตกลงมาน้ำเพื่อการเกษตรที่จะมีใช้ให้แก่พี่น้องชาวสวนอาจจะต้องจำกัดลงอย่างมาก และน้ำที่เหลือก็จะเก็บไว้ใช้ในเรื่องของอุปโภคบริโภค ซึ่งยืนยันว่า น้ำอุปโภคบริโภคทางจังหวัดยังสามารถบริหารจัดการได้จนสิ้นสุดฤดูกาลแล้งนี้
แต่ว่าน้ำเพื่อการเกษตรนั้น ทางจังหวัดสามารถจะบริหารจัดการได้จนถึงกลางเดือนพฤษภาคมนี้ ช่วงนี้คลองสาธารณะหลายแห่งมีลักษณะที่เรียกว่าแห้งขอด สถานการณ์โดยภาพรวมพื้นที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งมากในขณะนี้ คือ ตำบลจันทเขลม ตำบลคลองพลู อำเภอเขาคิชฌกูฏ ซึ่งจุดนั้นไม่มีแหล่งน้ำ ชาวบ้านปลูกพืชสวนกันมากทำให้น้ำไม่เพียงพอ และพื้นที่อำเภอสอยดาวก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่น่าเป็นห่วงเช่นกัน
ด้าน นางสมใจ เตชะปัน อายุ 68 ปี อยู่บ้านเลขที่ 89 หมู่ที่ 2 ตำบลธาตุ อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย ผู้ดูแลสวนอยู่ในพื้นที่ หมู่ที่ 2 ตำบลซึ้ง อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี กล่าวว่า ตอนนี้ได้รับความเดือดร้อนทุกอย่างเพราะน้ำไม่เพียงพอ ซึ่งสวนที่ตนเองดูแลอยู่มีมังคุด และทุเรียน โดยปัจจุบัน ต้องดึงน้ำมาจากคลองเวฬุน้ำที่ดึงมาก็ไหลไม่ค่อยดีเท่าไร เพราะต้องเลี้ยงต้นเอาไว้เพื่อไม่ให้ต้นตาย ตอนนี้มีเกษตรกรชาวสวนโดยทั่วไปที่อยู่ในเขตพื้นที่อำเภอขลุง ได้รับผลกระทบและเดือดร้อน และต้องมีการมีการซื้อน้ำ ซึ่งในเบื้องต้น ก็มีหน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือแต่ก็ไม่ทั่วถึงเพราะความต้องการน้ำมีมาก
นายสุจินต์ รัตนรินทร์ หัวหน้าโครงการไฟฟ้าพลังน้ำคีรีธาร กล่าวว่า ขณะนี้เขื่อนคีรีธาร มีน้ำอยู่ 35 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งสามารถใช้ได้โดยปล่อยผ่านอุโมงค์ สามารถจะมีน้ำใช้ 10 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งล่าสุด ได้มีการประชุมกลุ่มผู้ใช้น้ำ โดยมี นายอำเภอขลุง เป็นประธาน มีนายอำเภอมะขาม และนายอำเภอเมือง ร่วมประชุมด้วย โดยได้มีการขอน้ำเพิ่มระยะเวลาการจ่ายน้ำ เนื่องจากพื้นที่บ้านวังสรรพรส ตำบลบ่อ ตำบลซึ้ง อำเภอขลุง ตำบลประณีต อำเภอเขาสมิง จังหวัดตราด ขาดน้ำในเพื่อการเกษตร
รวมทั้งน้ำอุปโภคบริโภคก็ไม่มี ดังนั้น ได้มีมติในที่ประชุม คือ การจะเพิ่มน้ำ และจ่ายน้ำ 24 ชั่วโมง ตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน 2559 ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ไปจนถึงวันที่ 23 เมษายน 2559 ตั้งแต่เวลา 09.00 น. หลังจากนั้น ทางเขื่อนก็จะจ่ายน้ำตามปกติ คือ เวลา 09.00-22.00 น.เหมือนเดิม ซึ่งเพิ่มน้ำมา 2 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งจะเพียงพอต่อการเกษตร และจะส่งไปยังแม่น้ำจันทบุรี 8 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งน้ำตรงนี้จะไปอยู่ที่ฝายท่าระม้า เพื่อบริหารจัดการน้ำ และไหลลงสู่ฝายยางจันทบุรีต่อไป
