“แม่สาย-ตัวเมืองเชียงใหม่-แม่แจ่ม” หมอกควันยังคลุมเมือง

เชียงใหม่ - คนเชียงใหม่-เชียงรายยังต้องอยู่ใต้หมอกควันไฟป่าคลุมเมืองต่อ พบคุณภาพอากาศ “แม่สาย-เมืองเชียงใหม่-แม่แจ่ม” เกินค่ามาตรฐานซ้ำอีก

วันนี้ (21 เม.ย.) สำนักจัดการคุณภาพอากาศและเสียง กรมควบคุมมลพิษ ได้รายงานคุณภาพอากาศประจำวัน ในเวลา 09.00 น.ว่า พบฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) ในพื้นที่ภาคเหนือ อยู่ระหว่าง 63-171 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เกินมาตรฐานที่บริเวณ ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย เชียงราย, ต.ช้างเผือก อ.เมือง เชียงใหม่, ต.ศรีภูมิ อ.เมือง เชียงใหม่, ต.ช่างเคิ่ง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่

โดยสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ บริเวณโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย ใจกลางเมืองเชียงใหม่ วัดค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ 149 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ยังเกินค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ไม่เกิน 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร มีผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน ส่วนพื้นที่ อ.แม่แจ่ม ค่ามลพิษสูงสุดในประเทศ 171 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

ขณะที่ท้องฟ้าเหนือตัวเมืองเชียงใหม่ยังมีหมอกควันปกคลุมหนาแน่น ทัศนวิสัยการมองเห็นยังขุ่นมัว จนนักท่องเที่ยวที่ขึ้นไปชมความงาม ทัศนียภาพมุมสูงของตัวเมืองเชียงใหม่บริเวณวัดพระธาตุดอยคำ ต่างพากันผิดหวังไม่สามารถถ่ายภาพความงามของตัวเมืองในมุมสูงได้เพราะเห็นแต่หมอกควันบดบัง บางรายหายใจติดขัดแสบจมูกต้องสวมหน้ากากอนามัย

ซึ่งพื้นที่เชียงใหม่เกิดไฟป่าแล้วจำนวน 1,398 ครั้ง พื้นที่ป่าเสียหายเกือบ 2 หมื่นไร่ ส่วนพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอบบนเกิดไฟป่ามากถึง 3,816 ครั้ง พื้นที่ป่าเสียหายกว่า 57,950 ไร่

ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ได้ออกประกาศขอความร่วมมือจากประชาชนให้งดเผาในพื้นที่เกษตรทุกชนิดต่อไป หลังพ้นกำหนด 60 วัน ห้ามเผาตั้งแต่ 15 เม.ย.ที่ผ่านมา แต่หากมีความจำเป็นที่ต้องเตรียมพื้นที่ทำการเกษตรให้เผาเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และต้องแจ้งขออนุญาตจากนายอำเภอในพื้นที่เพื่อพิจารณาอนุญาตเป็นกรณี พร้อมทั้งทำแนวกันไฟ และจัดการเชื้อเพลิงให้เป็นกองขนาดเล็ก ไม่ให้ลุกลามเข้าพื้นที่ป่า

ทั้งนี้ หากพบว่ากระทำการจุดไฟเผาป่า หรือปล่อยให้ไฟลุกลามเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและเขตป่าสงวนแห่งชาติ มีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2-15 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-150,000 บาท และเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 220 ผู้ใดกระทำให้เกิดเพลิงไหม้แก่วัตถุใดๆ แม้จะเป็นของตนเองจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์ของผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 14,000 บาทด้วย