กาฬสินธุ์ - สรุปอุบัติเหตุ 7 วันอันตรายเทศกาลสงกรานต์กาฬสินธุ์ยอดตายพุ่ง 8 ศพ บาดเจ็บ 36 ราย อึ้ง! พบการทำผิดกฎหมายจราจรกว่า 7,000 ราย จับและยึดรถเมาแล้วขับ 250 คัน
วันนี้ (18 เม.ย.) ที่ห้องประชุมชั้น 3/1 ศาลากลาง จ.กาฬสินธุ์ นายวินัย วิทยานุกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ นายสุรพจน์ รัชชุศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ นายอโณทัย ธรรมกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ นายวีระศักดิ์ วิเชียรแสน หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมด้วยตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันประชุมสรุปผลการดำเนินงานการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ตั้งแต่วันที่ 11-17 เมษายนที่ผ่านมา หรือช่วง 7 วันอันตราย
โดยในช่วง 7 วันอันตราย เจ้าหน้าที่ได้ตั้งจุดตรวจหลัก ด่านตรวจชุมชน และจุดบริการคลอบคลุม 18 อำเภอของ จ.กาฬสินธุ์ ทั้งถนนสายหลัก และถนนสายรองทุกวัน เฉลี่ยวันละกว่า 400 จุด ซึ่งมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นทั้งหมด 37 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 8 ราย บาดเจ็บ 36 ราย โดยสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุส่วนใหญ่ยังคงเป็นการเมาแล้วขับรถ และขับรถเร็ว ส่วนยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือ จักรยานยนต์
ทั้งนี้ มีผู้ถูกดำเนินคดีตามมาตรการลดพฤติกรรมเสี่ยง 10 มาตรการ รวมทั้งหมด 6,926 ราย จับยึดรถและดำเนินคดีผู้เมาสุราแล้วขับรถ 250 ราย
นายวินัย วิทยานุกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ระหว่างวันที่ 11-17 เมษายนที่ผ่านมา หรือช่วง 7 วันอันตราย เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายได้รณรงค์กวดขันวินัยจราจรอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะการตั้งด่านตรวจทั้งบนถนนสายหลัก หรือถนนหลวง และด่านตรวจชุมชนถนนสายรองตามหมู่บ้านต่างๆ แต่ก็ยังมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นจนมีผู้เสียชีวิตถึง 8 ราย บาดเจ็บ 36 ราย
โดยสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุจนเสียชีวิตส่วนใหญ่จะเป็นการขับรถประมาท ขับรถเร็ว และเหตุเกิดบนถนนสายหลัก นอกจากนี้ยังพบว่ามีประชาชนทำผิดกฎหมายจราจรและผิดวินัยจราจรอยู่จำนวนมาก จนถูกจับปรับและดำเนินคดีมากถึง 6,926 ราย ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงอยู่
ดังนั้น คณะกรรมการการดำเนินงานการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนจะต้องร่วมกันรณรงค์ และวางแนวทางในการลดและป้องกันอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลให้มากขึ้น และจะต้องรณรงค์ตลอดทั้งปี
โดยจะเริ่มรณรงค์เน้นไปยังกลุ่มนักเรียน นักศึกษา วัยรุ่น และเบื้องต้นจะต้องออกกฎระเบียบจราจรในสถานศึกษา และสถานที่ราชการ เพื่อเป็นแบบอย่างให้กับสถานที่อื่นๆ ในการปลุกฝังจิตสำนึกในการเคารพกฎจราจร เพื่อลดและป้องกันการเกิดอุบัติเหตุต่อไป