นครพนม - นายอำเภอศรีสงครามระดม จนท.ดับไฟป่าลามทุ่ง สวนป่ายูคา สวนยางไหม้เสียหายกว่า 2,000 ไร่ เตือนฝ่าฝืนเอาผิดอาญา
วันนี้( 14 เม.ย.) ที่อำเภอศรีสงคราม นายกนก ศรีวิชัยนันท์ นายอำเภอศรีสงคราม ได้รับแจ้งจาก นายบุญมี นาหมีด ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ต.ท่าบ่อสงคราม อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ว่า ได้เกิดเพลงไหม้ลามทุ่งใกล้จะเข้าหมู่บ้าน
จึงได้สั่งการให้ปลัดอำเภอพร้อม ระดมเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานเกี่ยวข้องประสานรถดับเพลิง ในเขตใกล้เคียงกว่า 10 คัน นำรถน้ำดับเพลิงเข้าไปควบคุมกรณีเกิดไฟป่าลุกลามไหม้ตอซังข้าวเป็นที่กว้างกว่า 2,000 ไร่ ในเขตพื้นที่บ้านนาเพียง หมู่ 5 ติดต่อเขตพื้นที่ ต.ศรีสงคราม อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ตั้งแต่ช่วงบ่ายที่ผ่านมา ทำให้ไฟลุกลามไหม้ตอซังข้าวในทุ่งนา ก่อนลุกลามไหม้กระท่อมนาชาวบ้าน และสวนยาง สวนยูคาลิปตัสของชาวบ้าน ได้รับความเสียหาย จำนวนหลายไร่
ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังเข้าไปฉีดน้ำควบคุม ในพื้นที่สามารถเข้าถึงได้ รวมถึงพื้นที่ใกล้ชุมชนหมู่บ้านไม่ให้ลุกลาม เพราะมีพื้นที่กว้างยากต่อการควบคุม ซึ่งล่าสุดสามารถควบคุมไฟป่าได้แล้ว แต่ยังต้องมีการจัดเจ้าหน้าที่คอยตรวจสอบเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง 24 ชม เนื่องจากยังมีกระแสลมพัดแรง อาจเกิดการปะทุขึ้นได้อีก
เบื้องต้น มีสวนยาง ป่าชุมชน และกระท่อมนาชาวบ้าน ถูกไฟป่าลุกลามไหม้เสียหาย จำนวนมาก เนื่องจากสภาพอากาศแห้งแล้ง บวกกับมีลมกรรโชกแรง ทำให้เกิดไฟป่าลุกลามได้ง่าย
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้เร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อหาทางช่วยเหลือ และเพิ่มมาตรการดูแลป้องกัน ส่วนสาเหตุส่วนใหญ่พบว่า มาจากปัญหาการหาของป่า จุดไฟเผาตอซังข้าว
นายกนก ศรีวิชัยนันท์ นายอำเภอศรีสงครามพนม กล่าวว่า สำหรับปีนี้ยอมรับว่า ปัญหาความแห้งแล้ง ไม่เพียงได้รับผลผลกระทบในเรื่องขาดแคลนน้ำในการทำการเกษตร ยังมีปัญหาการเกิดไฟป่าบ่อยกว่าทุกปี ทำให้เกิดไฟป่าลามทุ่งนาไหม้ตอซังข้าว รวมถึงสวนยาง และกระท่อมนาของชาวบ้านได้รับความเสียหาย ส่วนสาเหตุหลักมาจากความมักง่ายของชาวบ้านในการจุดไฟเผาทำลายตอซังข้าว หาของป่า ทำให้ไฟลุกลาม เพราะอากาศแห้งแล้ง เกิดไฟป่าได้ง่าย
ซึ่งทางอำเภอ ได้ร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้อง ระดมเจ้าหน้าที่ และอุปกรณ์ เข้าไปตรวจสอบควบคุมไฟป่าตลอด 24 ชั่วโมง เพราะหน้าแล้งยังอีกหลายเดือน ป้องกันไม่ให้มีการลุกลามขยายวงกว้างไปยังพื้นที่สวนยาง ป่าชุมชน และชุมชนหมู่บ้าน พร้อมฝากประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนในพื้นที่ ให้ช่วยกันสอดส่องดูแล งดการเผาป่า หรือเผาตอซังข้าว หรือจุดไฟเผาป่า ที่จะทำให้เกิดปัญหาลุกลาม
โดยจะดำเนินการจับกุมมาดำเนินคดีตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด มีโทษทั้งจำทั้งปรับ ผู้กระทำผิดจะต้องได้รับโทษถึงขั้นติดคุก วิงวอนประชาชนช่วยกันสอดส่องดูแลช่วยกัน