นครพนม - หวั่นพระ และชาวบ้านตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ พลเมืองดีแจ้งตำรวจรวบ “ผู้พันเก๊” อ้างชื่อนายทหาร ข้าราชการระดับสูงเป็นคณะกรรมการทอดผ้าป่าสงกรานต์คาสำนักสงฆ์
วันนี้ (14 เม.ย.) ที่สถานีตำรวจภูธรศรีสงคราม อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม นายกนก ศรีวิชัยนนท์ นายอำเภอศรีสงคราม พ.ต.อ.โชคชัย อินทะนิน สภ.ศรีสงคราม จ.นครพนม รับแจ้งจากประชาชนว่า มีทหารแอบอ้างยศ พ.ต.หน่วยทหารแห่งหนึ่ง และแอบอ้างผู้ใหญ่ของจังหวัด มาทอดผ้าป่าที่วัดในพื้นที่ อ.ศรีสงคราม หวั่นเกรงว่าพระเณรที่วัด และชาวบ้านจะถูกหลอกลวงตุ้มตุ๋น อยากให้เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง
หลังได้รับแจ้งจึงประสานทหารจากมณฑลทหารบกที่ 210 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบ โดยเดินทางไปที่สำนักสงฆ์ดอนป่าเป่า บ.ขามเปี้ยน้อย ต.บ้านข่า อ.ศรีสงคราม พบนายยงยุทธ จอมเกษม หรือชื่อเล่นว่า “บอย” วัย 29 ปี ชาว อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี อยู่ภายในวัดดังกล่าวขณะกำลังจะทำพิธีทอดผ้าป่า จึงเชิญตัวมาสอบถาม
จากการตรวจสอบเจ้าหน้าที่พบหลักฐานใบฎีกาบอกบุญ โดยการนำชื่อผู้บังคับบัญชาระดับสูงของจังหวัด และผู้บังคับบัญชาทหารระดับสูงหลายหน่วย โดยมี ชื่อนายยงยุทธ เป็นประธานกรรมการฝ่ายฆราวาส (ทิดบอย) มีชื่อนายทหารระดับ พล.ต.แห่งหนึ่งต่อท้ายด้วย และข้าราชการระดับสูงของจังหวัดเป็นหัวหน้าแต่ละสายผ้าป่า
ส่วนตัวเองในใบผ้าป่าได้ใช้ชื่อ พ.ต.ยงยุทธ จอมเกษม สังกัดกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 6 จึงคุมตัวมาสอบสวน สภ.ศรีสงคราม
นายอำเภอศรีสงคราม กล่าวต่อว่า ทางอำเภอศรีสงคราม จึงได้ตรวจสอบ และสอบถามผู้บังคับบัญชาระดับสูงทางจังหวัด และผู้บังคับบัญชาระดับหน่วยทหารในพื้นที่ จ.นครพนม แล้ว ได้รับคำตอบว่า นายยงยุทธ หรือ ส.อ.ยงยุทธ และ อ้างเป็น พ.ต.ยงยุทธ ไม่ได้มาขออนุญาตเป็นประธานฝ่ายฆราวาสแต่อย่างใด แอบอ้างชื่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงเพื่อสร้างความเชื่อถือให้วัด และชาวบ้านหลงเชื่อโดยพลการว่ามาทอดผ้าป่าสร้างห้องน้ำ และโรงครัว จึงเกรงว่าจะถูก นายยงยุทธ หลอกลวงต้มตุ๋นเอาได้จึงจับกุมตัวดังกล่าว
จากการสอบสวนเบื้องต้น นายยงยุทธ รับสารภาพว่า เคยบวชอยู่ที่วัดป่าเป้ามา 2 พรรษา รู้จักมักคุ้นกับพระเณรที่วัด จึงแอบอ้างว่าเป็นตำแหน่งนายทหารระดับสูง และโชว์บัตร ส.อ.ยงยุทธ เพราะเคยเรียนนักศึกษาวิชาทหาร หรือ ร.ด.มาแค่นั้น
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนที่แล้ว นายยุงยุทธ แอบอ้างเปิดเฟซบุ๊กในโลกออนไลน์แอบอ้างว่าเป็น พ.ต.ยงยุทธ จอมเกษม และยังอ้างตัวว่า เป็นทหารหน่วยข่าวกรองแห่งหนึ่งใน จ.อุบลราชธานี ต่อมา ภายหลังได้เปลี่ยนชื่อเฟซบุ๊กใหม่ว่า “ผู้พันเถื่อน”
เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา ไม่มีสิทธิใช้ยศทหาร และแสดงตัวใช้ยศทหาร คุมตัวส่ง ร.ต.อ.พีระวิชญ์ อุทัยแสน ร้อยเวร สภ.ศรีสงคราม ดำเนินคดีต่อไป