ศูนย์ข่าวศรีราชา - ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี มอบหลักการทำงานกลางประชุมใหญ่ PBTA เน้นทำงานแบบองค์รวมด้วยความสามัคคีกลมเกลียว แนะเมืองพัทยาจัดทำแผนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจกระจายรายได้ให้ประชาชน ชี้ไม่อยากเห็นรวยกระจุกจนกระจาย ปลูกฝังประชากรแฝงต้องรักท้องถิ่นที่ทำมาหากินจะสร้างความยั่งยืนได้
สมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา โดย นายสินธ์ไชย วัฒนศาสตร์สาธร นายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา ได้จัดประชุมใหญ่สมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา โดยมี นายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานกล่าวมอบแนวทางการปฏิบัติงานเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดชลบุรี ท่ามกลางสมาชิกสมาคมเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง
นายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เผยว่า อยากให้แนวทางในการทำงานอย่าเรียกว่าเป็นการมอบนโยบาย เพราะผู้ว่าราชการจังหวัดไม่สามารถกำหนดนโยบายได้ เพียงแต่อยากมอบแนวทางการทำงานฝากไว้ให้ภาคธุรกิจเอกชนได้มีส่วนขับเคลื่อนในการพัฒนาท้องถิ่น โดยคำนึงถึงความสามัคคีกลมเกลียวแบบองค์รวม ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาระบบเศรษฐกิจท้องถิ่น
อยากให้ประชากรจากที่อื่นที่มาทำกิน และอาศัยในเมืองพัทยาได้มีความสุข เป็นการพัฒนาท้องถิ่นให้มีศักยภาพอย่างแท้จริง ไม่ใช่จะรวยเพียงบางกลุ่ม ต้องมีการกระจายรายได้สู่ประชาชนอย่างทั่วถึง ถือเป็นบทบาทหน้าที่สำคัญของการเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแลราชการส่วนท้องถิ่นสู่ประชาชน
ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เผยต่อว่า การทำงานแบบความร่วมมือกันในทุกภาคส่วนถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการพัฒนาจังหวัดชลบุรี และเนื่องด้วยเมืองพัทยาเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง ประกอบกับอยู่ติดท่าเทียบเรือที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ชลบุรี จึงเหมือนเมืองท่าสำคัญที่มีการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจ และนำเม็ดเงินเข้าสู่ประเทศได้อย่างมหาศาลจากผลพวงทางด้านอุตสาหกรรม การขนส่งสินค้า และการท่องเที่ยว
ทั้งนี้ เมืองพัทยาควรมีการจัดทำยุทธศาสตร์พัฒนาระบบเศรษฐกิจท้องถิ่น ให้เกิดการทำงานที่สามารถสร้าง และกระจายรายได้สู่ประชากรในท้องถิ่น ทั้งประชากรเดิม รวมถึงประชากรแฝงที่ย้ายมาทำมาหากินในพื้นที่ โดยในส่วนของภาคธุรกิจเอกชนก็ต้องให้การสนับสนุนการทำงานของหน่วยงานราชการ จะสามารถช่วยให้ประชาชนที่ได้มาอยู่เมืองพัทยา และจังหวัดชลบุรีได้กินดีอยู่ดี ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญสู่การบริหาราชการท้องถิ่น และประเทศต่อไปด้วยเช่นกัน เพราะถ้าหากประชากรแฝงที่มาอยู่พัทยาเกิดความรักในท้องถิ่นเพราะเขาได้มีที่ทำกิน มีอาชีพดูแลครอบครัว เขาก็จะเกิดความรัก และหวงแหนท้องถิ่น ตรงนี้ถือเป็นการพัฒนาท้องถิ่นที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง