กาญจนบุรี - หญิงวัย 50 ปี นอนตายใต้ถุนบ้าน ตรวจพบใบหน้า และปากฟกช้ำคล้ายถูกทำร้าย ตำรวจนำส่งนิติเวชผ่าพิสูจน์หวั่นฆาตกรรม พร้อมคุมตัวลูกขายไปสอบปากคำที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี ด้านลูกชายดื่มสุราเข้าไปจนมีอาการมึนเมา และได้เกิดมีปากเสียงทะเลาะกับแม่อย่างรุนแรง ด้วยความโมโหจึงกำหมัดต่อยเข้าที่ใบหน้า พร้อมกับเตะเข้าที่ชายโครงจนแม่ล้มลง ก่อนเข้านอน พอรุ่งเช้าพบแม่กลายเป็นศพ
เมื่อเวลา 07.30 น.วันนี้ (28 มี.ค.) ร.ต.ท.ธนกร จาวรุ่งวณิชสกุล พนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ภ.จว.กาญจนบุรี ว่า มีคนนอนเสียชีวิตที่ใต้ถุนบ้านพักเลขที่ 10/24 ถนนแสงชูโต ต.บ้านเหนือ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นจึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยแพทย์เวร รพ.พหลพลพยุหเสนา และเจ้าหน้าที่มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์
ไปถึงพบ นายบรรเจิด ชุมพร อายุ 29 ปี ลูกชายของผู้ตายยืนรอเจ้าหน้าที่อยู่ ส่วนผู้ตายคือ นางวรรณา ชุมพร อายุ 50 ปี สภาพศพนอนหงายเสียชีวิตอยู่กับพื้นดินใต้ถุนบ้าน ศีรษะเกยอยู่กับแผ่นกระเบื้อง การแต่งกายนุ่งกางเกงยืดขายาวสีดำ สวมเสื้อยืดคอกลมลายขวาง ที่ใบหน้า และปากมีร่องรอยฟกช้ำคล้ายถูกทำร้ายร่างกาย หลังจากแพทย์พิสูจน์ศพเบื้องต้นแล้วเสร็จจึงนำศพไปผ่าพิสูจน์ที่สถาบันนิติเวชเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากเจ้าหน้าที่เกรงว่าอาจจะเป็นการฆาตกรรม พร้อมทั้งเชิญตัว นายบรรเจิด ลูกขายไปสอบปากคำที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี
นายบรรเจิด ให้การต่อพนักงานสอบสวนว่า ก่อนเกิดเหตุคืนที่ผ่านมา ตนดื่มสุราเข้าไปจนมีอาการมึนเมา และได้เกิดมีปากเสียงทะเลาะกับแม่อย่างรุนแรง ด้วยความโมโหจึงกำหมัดต่อยเข้าที่ใบหน้า พร้อมกับเตะเข้าที่ชายโครงจนแม่ล้มลง แต่แม่ได้พยายามลุกขึ้นมาแล้ววิ่งหนี ตนจึงวิ่งตามไปแล้วคว้าแขนเอาไว้ได้ จากนั้นได้ดึงแขนของแม่มานั่งคุยกันที่จุดที่แม่นอนเสียชีวิต
หลังจากที่ตนได้กล่าวขอโทษแม่แล้วเสร็จจึงกลับเข้าไปนอนพักผ่อนจนกระทั่งเช้า เมื่อตื่นขึ้นมาเห็นแม่ยังนอนอยู่ที่เดิมตนพยายามปลุกให้แม่ตื่นแต่ไม่ยอมตื่น จึงใช้มือวางไปที่จมูกก็พบว่าแม่เสียชีวิตแล้ว ตนจึงรีบตะโกนให้เพื่อนบ้านช่วยโทรศัพท์แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ ส่วนตัวเชื่อว่าสาเหตุที่แม่เสียชีวิต เนื่องจากแม่ป่วยเป็นโรคหัวใจ เชื่อว่าแม่คงหัวใจวายเสียชีวิตไปเองมากกว่า แต่ก็ยอมรับว่าคืนที่ผ่านมา ตนได้ลงมือทำร้ายแม่จริง
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวนายบรรเจิด เอาไว้ก่อน และรอจนกว่าผลผ่าพิสูจน์จากสถาบันนิติเวชจะออกมา หากผลพิสูจน์ออกมาว่าหัวใจวายตายก็จะปล่อยตัวไป ซึ่งตรงกันข้ามหากผลพิสูจน์ออกมาว่าเป็นการฆาตกรรม นายบรรเจิด ก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป