ประจวบคีรีขันธ์ - หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงหัวหิน พบอุปสรรคตั้งแต่ 1 มีนาคม หลังจากย้ายฐานมาปฏิบัติการฝนหลวงที่หัวหิน เพื่อปฏิบัติการขึ้นบินโปรยสารฝนหลวงเติมน้ำในลุ่มน้ำเขื่อนปราณบุรี ลุ่มน้ำแก่งกระจาน และพื้นที่ทางการเกษตรหลังจากเกิดวิกฤตภัยแล้งที่รุนแรง เผย 28 วันที่ผ่านมา สามารถบินขึ้นโปรยสารฝนหลวงในพื้นที่ประจวบฯ และเพชรบุรี ได้เพียง 7 เที่ยวบินเท่านั้น เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดไม่มีความชื้น และเมฆไม่ก่อตัว ลมแรง
วันนี้ (28 มี.ค.) ที่หน่วยปฏิบัติการฝนหวงหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หลังจากสำนักฝนหลวงการบินเกษตร นำเครื่องบินคาราแวน 3 ลำ มาประจำที่ศูนย์ฝนหลวงหัวหิน ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา เพื่อขึ้นบินโปรยสารฝนหลวงนับจากนี้เป็นต้นไปในจังหวัดเพชรบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และจังหวัดราชบุรี ในช่วงฤดูแล้งปีนี้
นายแทนไทร์ พลหาญ หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงหัวหิน กล่าวว่า การปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อมุ่งเติมน้ำในเขื่อนใหญ่ปราณบุรี และเขื่อนแก่งกระจาน รวมทั้งพื้นที่ทางการเกษตร ตลอดจนแหล่งเก็บน้ำของสัตว์ป่าทั้งในพื้นที่ป่าเด็ง ป่าละอู และป่ากุยบุรี ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านม าจนถึงวันนี้สามารถขึ้นบินปฏิบัติการโปรยสารฝนหลวงไปได้เพียง 7 เที่ยวบินเท่านั้น จาก 28 วันเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนแห้ง และไม่มีความชื้น ลมแรง และเมฆไม่ก่อตัว ทำให้เป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับการปฏิบัติการฝนหลวงเติมน้ำในลุ่มน้ำทั้งเขื่อนปราณบุรี ลุ่มน้ำเขื่อนแก่งกระจานในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี และจังหวัดราชบุรี ที่กำลังเจอวิกฤตภัยแล้งอย่างรุนแรง
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้ติดตามสภาพอากาศอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน หากพื้นที่จุดใดมีความชื้นก็จะจัดเจ้าหน้าที่นำสารฝนหลวงขึ้นเครื่องบิน 3 ลำ ไปโปรยทันที ในขณะที่เช้าวันนี้หลังตรวจสภาพอากาศพบมีความชื้น และมีการก่อตัวของกลุ่มเมฆก็ได้นำเครื่องขึ้นปฏิบัติการในพื้นที่ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน อำเภอปราณบุรี และอำเภอสามร้อยยอด เพื่อสร้างความชุ่มชื้นให้แก่พื้นที่ทางการเกษตรที่กำลังประสบภัยแล้งในขณะนี้ ถึงแม้ปริมาณฝนตกลงมาน้อยก็ตาม
“คาดว่าในเดือนหน้าสภาพอากาศน่าจะดีขึ้นบ้าง ซึ่งก็จะทำให้ขึ้นปฏิบัติการโปรยสารฝนหลวงได้มากกว่าเดือนนี้ ยอมรับว่าปีนี้สภาพอากาศแย่กว่าปีที่แล้วมาก จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวงน้อยกว่าปีที่ผ่านมา”