บุรีรัมย์ - เจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าพันธุ์สัตว์ป่าห้วยจระเข้มาก บุรีรัมย์ และสวนสัตว์นครราชสีมา เร่งสูบน้ำใส่กรงอนุบาล “นกกระเรียนไทย” ใกล้สูญพันธุ์ ในพื้นที่ชุ่มน้ำ จ.บุรีรัมย์ หลังได้รับผลกระทบจากภัยแล้งมีสภาพแห้งขอด เพื่อช่วยปรับสภาพก่อนปล่อยคืนสู่ธรรมชาติเป็นระยะเวลา 3 เดือน เผยสวนสัตว์โคราชเพาะเลี้ยงและนำนกกระเรียนไทยมาปล่อยและปรับสภาพที่ จ.บุรีรัมย์แล้ว 71 ตัว
วันนี้ (21 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่าห้วยแสงเหนือ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก ต.สะแกโพรง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ และเจ้าหน้าที่สวนสัตว์นครราชสีมา ได้เร่งสูบน้ำจากอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มากใส่ในกรงอนุบาลที่นำนกกระเรียนพันธุ์ไทยใกล้สูญพันธุ์มาปรับสภาพในพื้นที่ชุ่มน้ำห้วยแสงเหนือเพื่อให้นกกระเรียนได้เล่นน้ำและอาบคลายร้อน หลังพื้นที่ชุ่มน้ำบริเวณดังกล่าวได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งมีสภาพแห้งขอด
ทั้งนี้ เนื่องจากนกกระเรียนเป็นนกที่ต้องอาศัยและหากินในพื้นที่ชุ่มน้ำ โดยเจ้าหน้าที่ต้องเฝ้าดูแลเติมน้ำเข้าในกรงให้มีความชุ่มชื้นตลอดจนกว่าจะครบกำหนดระยะเวลา 3 เดือนก่อนปล่อยคืนสู่ธรรมชาติให้แพร่ขยายพันธุ์ ซึ่งปีนี้ห้วยแสงเหนือมีสภาพที่แห้งแล้งมากกว่าทุกปีที่ผ่านมาทำให้ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทางธรรมชาติ
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาทางองค์การสวนสัตว์ได้ปล่อยนกกระเรียนพันธุ์ไทยคืนสู่ธรรมชาติในพื้นที่ชุ่มน้ำอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก และเขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำสนามบิน อ.ประโคนชัย ตั้งแต่ปี 2554 จนถึงขณะนี้รวมแล้วกว่า 71 ตัว และปีนี้มีเป้าหมายจะปล่อยเพิ่มอีก 13 ตัว ช่วงแรกจะส่งมาอนุบาลเพื่อปรับสภาพในพื้นที่จริง 7 ตัว และจะส่งตามมาในภายหลังอีก 6 ตัว
นายธนัท อุตรวิเศษ ผู้ประสานงานโครงการวิจัยและทดลองปล่อยนกกระเรียนพันธุ์ไทยคืนสู่ธรรมชาติ สวนสัตว์นครราชสีมา กล่าวว่า ทางสวนสัตว์นครราชสีมาได้มีการเพาะเลี้ยงและนำนกกระเรียนพันธุ์ไทยที่ใกล้สูญพันธุ์มาปล่อยและปรับสภาพที่ จ.บุรีรัมย์ จำนวน 71 ตัวแล้ว แต่ในปีนี้ห้วยแสงเหนือกระทบต่อปัญหาภัยแล้ง น้ำในพื้นที่ชุ่มน้ำเหือดแห้ง ทางเจ้าหน้าที่จึงต้องเร่งสูบน้ำเข้ามาเติมทั้งจุดที่ตั้งกรงอนุบาลและรอบพื้นที่ให้มีความชุ่มชื้นและมีความอุดมสมบูรณ์ เพื่อให้นกกระเรียนได้เล่นและอาบเพื่อปรับสภาพก่อนปล่อยคืนสู่ธรรมชาติภายในอีก 3 เดือน ตามระยะเวลาที่ได้กำหนดไว้