พระนครศรีอยุธยา - “พงศพัศ พงษ์เจริญ” ลงพื้นที่อยุธยาเรียกประชุมนายตำรวจ และพนักงานสอบสวนเพื่อติดตามความคืบหน้าคดี “เสี่ยเบนซ์” ซิ่งรถหรูชนเก๋งฟอร์ดนักศึกษา ป.โท ไฟคลอกเสียชีวิต 2 ศพอยุธยา พร้อมสั่งตั้งกรรมการสอบข้อเท้จริง และเปลี่ยนพนักงานสอบสวน
เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น.วันนี้ (17 มี.ค.) ที่ สภ.พระอินทร์ราชา อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. ได้เดินทางมายัง สภ.พระอินทร์ราชา อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อให้แนวทาง และติดตามความคืบหน้าคดีกรณีเกิดเหตุรถยนต์เก๋งยี่ห้อเมอร์เซเดส เบนซ์ ขับชนท้ายรถยนต์เก๋งยี่ห้อฟอร์ด จนเกิดไฟลุกไหม้ และทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บ 1 ราย เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 13 มี.ค.59 ที่ผ่านมา ตามคำสั่งของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยมี พล.ต.ต.เมธี กุศลสร้าง รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา และชุดสอบสวนทั้งของ สภ.พระอินทร์ราชา และ ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา มาร่วมประชุม
โดยก่อนการประชุมได้เดินดูรถที่เกิดเหตุด้วย จากนั้นได้เข้าห้องประชุมกับนายตำรวจ และพนักงานสอบสวน ซึ่ง พล.ต.อ.พงศพัศ เปิดเผยว่า การเดินทางมาครั้งนี้เป็นไปตามคำสั่งของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากคดีเป็นที่สนใจ และติดตามของประชาชน และให้เกิดความเชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเพื่อให้ข้อเคลือบแคลงสงสัยของสังคม และประชาชนต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสอบสวนสืบสวนของคดีนี้จึงมีคำสั่งเปลี่ยนพนักงานสอบสวนในคดีรถชนนี้ โดยให้ทาง พ.ต.อ.สุรินทร์ ทับทันบุปผา รอง ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วย พ.ต.อ.เอกราช อุ่นเจริญ ผกก.สอบสวน ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา เข้ามาทำการสอบสวนทำคดีนี้แทน
ขณะเดียวกัน ได้ตั้ง พ.ต.อ.ภูดิท ชนะคชภัทร์ รอง ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา เป็นประธานการสอบสวนข้อเท็จจริงในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่ทำหน้าล่าช้า และเกิดความเคลือบแคลงสงสัยของสังคม โดยเฉพาะเรื่องการตรวจสารเสพติด หรือสารแอลกอฮอลล์ ซึ่งเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก ซึ่งหากพบว่า มีความบกพร่องในการทำงานของเจ้าหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องก็จะมีการดำเนินการทางวินัยโดยเด็ดขาด
“ทีมสอบสวนเป็นทีมที่เพิ่งมีการแต่งตั้งให้ไปปฎิบัติหน้าที่ใหม่ มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ในการทำงานเรื่องของสอบสวนมาแล้วหลายคดี น่าจะได้รับความคืบหน้าใน 3-5 วัน ขอให้พ่อแม่พี่น้องประชาชนเชื่อในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ว่า จะไม่มีการช่วยเหลือใคร นอกจากนี้ ยังได้ประสานกับทางกองบังคับการพิสูจน์หลักฐาน ให้เข้ามาตรวจสอบในเรื่องนิติวิทยาศาสตร์ ในเรื่องของทิศทางการชน และความเร็วของรถด้วย” พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าว