พระนครศรีอยุธยา - รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ลงพื้นที่พระนครศรีอยุธยา ติดตามความคืบหน้ากรณีรถเบนซ์ขับชนท้ายรถเก๋งฟอร์ด จนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย ล่าสุด ได้เตรียมดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิดแล้ว
วันนี้ (17 มี.ค.) พล.ต.ต.เมธี กุศลสร้าง รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (รอง ผบช.ภ.1) พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และคณะได้ลงพื้นที่ไปยัง สภ.พระอินทร์ราชา เพื่อติดตามความคืบหน้าทางคดีกรณีเกิดเหตุรถยนต์เก๋งยี่ห้อเมอร์เซเดส เบนซ์ ขับชนท้ายรถยนต์เก๋งยี่ห้อฟอร์ด จนเกิดไฟลุกไหม้ และทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บ 1 ราย เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 13 มี.ค.59 ที่ผ่านมา
พล.ต.ต.เมธี กุศลสร้าง รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เปิดเผยภายหลังว่า ขณะนี้มีความคืบหน้า และหลักฐานในการดำเนินคดีแล้ว โดยให้ทางพนักงานสอบสวนฟ้องข้อกล่าวหาต่อ นายเจนภพ วีรพร อายุ 37 ปี ผู้ก่อเหตุคดีดังกล่าว หลังจากเดินทางมาที่ รพ.สมิติเวชสุขุมวิท ซอยสุขุมวิท 49 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา เพื่อเข้าแจ้งข้อหาขับรถโดยประมาททำให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย และเป็นเหตุทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต่อนายเจนภพ วีรพร ผู้ก่อเหตุคดีดังกล่าว อีกทั้งเรื่องถุงยาในรถที่พบต้องรอผลทางแพทย์ยืนยันผลการตรวจอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่งว่ามีผลต่อการขับขี่หรือไม่อย่างไร
ต่อมา พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้เดินทางลงพื้นที่ที่เกิดเหตุ พร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม และนำไปวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ทั้งเรื่องของความเร็วผลจะออกมาอย่างไรต้องตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง รวมถึงรถเบนซ์ จะมีการนำไปตรวจสอบที่ศูนย์เบนซ์อย่างละเอียดอีกครั้ง
ส่วนกรณีที่ว่า ป้ายทะเบียนของรถเบนซ์เป็นทะเบียนที่ถูกสวมมานั้น พล.ต.ต.สุทธิ กล่าวว่า ได้ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบกับทางขนส่งแล้วปรากฏว่า ป้ายทะเบียนดังกล่าวก่อนหน้านี้เคยเป็นป้ายทะเบียนของรถยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยูจริง แต่รถยนต์บีเอ็มมีการขายไปแล้วซื้อรถเบนซ์มาใหม่และนำทะเบียนรถมาใส่โดยมีการแจ้งโอนย้ายมาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากได้ตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว