อุบลราชธานี - ผู้ว่าฯ อุบลราชธานีเต้นหลังแก๊งตัดไม้พะยูงเหิมเกริมจับสองตายายมัดมือ หวังเข้าไปตัดต้นพะยูงอายุกว่า 100 ปีที่สองตายายทำรั้วเหล็กล้อมเอาไว้ สั่งชุดปราบปรามเร่งไล่ล่าจับตัวมาดำเนินคดี พร้อมให้ก่อกำแพงอิฐรอบต้นพะยูงอีกชั้นเพื่อไม่ให้คนร้ายมาตัดไปได้
จากกรณีกลุ่มลักลอบตัดไม้พะยูงใช้อาวุธปืนจี้จับตายายสองผัวเมียมัด แล้วพยายามใช้เลื่อยตัดเหล็กตัดลูกกรงล้อมต้นพะยูงอายุกว่า 100 ปี เพื่อตัดส่งขายต่างประเทศตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด นายเธียรชัย พุทธรังสี นายอำเภอเมืองอุบลราชธานี ซึ่งได้รับคำสั่งจากนายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัด ให้นำชุดสืบสวน ทหาร และกำลังอาสาสมัคร ประชุมร่วมกับชาวบ้านปะอาว หมู่ 4 ต.ปะอาว อ.เมือง เพื่อวางมาตรการดูแลต้นพะยูงอายุกว่า 100 ปี ของนายวิชัย สายละดา อายุ 67 ปี ที่คนร้ายพยายามเข้ามาลักลอบตัดเมื่อคืนวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา แต่ชาวบ้านรู้ก่อน จึงช่วยกันขับไล่จนคนร้ายต้องหลบหนีกลับไปมือเปล่า
โดยที่ประชุมตกลงจะมีการก่อปูนล้อมเพิ่มจากที่มีการทำรั้วเหล็กกั้นไว้แล้ว เพื่อเพิ่มความมั่นคงแข็งแรงไม่ให้คนร้ายสามารถต้นพะยูงต้นนี้ได้ พร้อมจัดวางเวรยามชาวบ้านร่วมกับกำลัง อส. ตำรวจหมู่บ้านเฝ้าดูแลรักษาให้ใกล้ชิดเพิ่มขึ้น เพื่อรักษาต้นพะยูงไว้เป็นสมบัติของแผ่นดินให้ลูกหลานได้ศึกษาความเป็นมาของพันธุ์ไม้เนื้อแข็งหายากชนิดนี้
ด้านการติดตามจับกุมกลุ่มผู้ลักลอบตัดไม้แก๊งนี้ พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ แสงจันทร์ ผกก.สภ.เมืองอุบลราชธานี กล่าวว่า พนักงานสอบสวนได้สอบถามรูปพรรณสัณฐานของคนร้ายจากผู้เสียหาย ทราบเพียงเป็นคนรูปร่างสันทัด อายุระหว่าง 40-60 ปี ใช้รถกระบะ 2 คันเป็นพาหนะ มาด้วยกันประมาณ 10 คน
โดยผู้เสียหายเห็นหน้าไม่ชัดเจนเนื่องจากคนร้ายสวมหลอดไฟส่องสว่างใช้ส่องกบไว้บนหัว ทำให้แสงไฟเข้าตาผู้เสียหาย พร้อมมีการเตรียมเลื่อยใช้ตัดเหล็กมาใช้ตัดเหล็กข้ออ้อยที่ผู้เสียหายทำรั้วล้อมต้นพะยูงไว้สูงกว่า 2 เมตร และคาดว่าเป็นคนจากอำเภอใกล้เคียงอำเภอเมืองอุบลราชธานี
เพราะก่อนเกิดเหตุประมาณ 1 เดือนเคยมีคนเข้ามาติดต่อขอซื้อไม้พะยูงต้นนี้ในราคา 1 ล้านบาท แต่ผู้เสียหายไม่ขายให้ จึงให้ชุดสืบสวนนอกเครื่องแบบหาเบาะแสกลุ่มคนร้ายที่มีพฤติกรรมลักลอบตัดไม้พะยูงเพื่อจับตัวมาดำเนินคดี และหลังเกิดเหตุได้สั่งให้ชุดสายตรวจตำบลผ่านไปดูแลสองตายายบ่อยขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้คนร้ายกลับมาทำร้ายหรือเข้ามาตัดไม้พะยูงต้นนี้ได้อีก