ฉะเชิงเทรา - นักท่องเที่ยว และชาวแปดริ้วสวดยับกลุ่มคนรักหมาแจ้งความเอาผิดพระสงฆ์พาสุนัขออกช่วยลากรถรับบิณฑบาต ชี้ เป็นกลุ่มคนโลกสวยที่มองไม่เห็นว่าหมาเป็นสัตว์แสนรู้ที่สามารถช่วยเหลือเจ้าของได้ด้วยความกตัญญู
วันที่ (15 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวได้ติดตามความคิดเห็นของประชาชนในจังหวัดฉะเชิงเทรา เกี่ยวกับกรณีที่มีการนำเสนอข่าวพระสงฆ์ที่ออกบิณฑบาต หน้าวัดโสธรวราราม วรวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยมีสุนัขที่เลี้ยงไว้ช่วยลากรถเข็นขนาดเล็กที่บรรทุกข้าว และของที่ญาติโยมนำมาถวายขณะออกรับบิณฑบาต จนถูกกลุ่มคนรักหมาแจ้งความดำเนินคดี และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการจับกุม จนตกเป็นข่าวดังตั้งแต่ช่วงบ่ายนี้วานนี้ ว่า ประชาชน รวมทั้งนักท่องเที่ยว และผู้แสวงบุญที่เดินทางมาทำบุญยังวัดโสธรวราราม ตลอดจนแม่ค้าขายของบริเวณดังกล่าวต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ถึงการกระทำที่ไม่เหมาะสมของกลุ่มคนรักหมา
พร้อมระบุการกระทำของคนกลุ่มดังกล่าวเป็นการกระทำของกลุ่มคนโลกสวย และอยากดัง ทั้งยังมองว่า การกระทำของพระหนูที ทินราช เป็นเรื่องปกติ
ทั้งนี้ นางจุฬา สวนเกิด อายุ 53 ปี ชาวกรุงเทพฯ ที่เดินทางมาทำบุญยังวัดโสธร กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นเรื่องปกติในสังคมไทยที่มีมานานแล้ว เพราะตนก็เคยเห็นสุนัขที่ถูกเลี้ยงไว้ช่วยเหลืองานผู้เป็นเจ้าของ หรือผู้เลี้ยง ส่วนกลุ่มคนที่เดินทางเข้าไปแจ้งความให้ตำรวจดำเนินคดีเอาผิดต่อพระสงฆ์นั้น เป็นเพียงกลุ่มโลกสวยที่อยากสร้างภาพ
เช่นเดียวกับ น.ส.นงนุช พิมพ์พันธุ์ อายุ 58 ปี ที่กล่าวว่า หลังได้ดูข่าวพระถูกกลุ่มคนเลี้ยงหมาแจ้งความเอาผิดถือเป็นเรื่องไม่เหมาะสม เพราะที่ผ่านมา ก็เห็นว่ารถเข็นใส่ของรับบาตรเป็นเพียงรถลากคันเล็กๆ ทั้งยังมีล้อ กลุ่มคนดังกล่าวจึงถือเป็นพวกไร้สาระ และรู้สึกสงสารพระสงฆ์ที่ต้องมาตกเป็นเหยื่อของกลุ่มคนโลกสวยเหล่านี้
ด้าน นางแอ๊ด (ขอสงวนชื่อจริง) อายุ 48 ปี แม่ค้าขายของฝากบริเวณด้านหน้าวัดโสธร บอกว่า ที่บ้านของตนก็เลี้ยงหมานับสิบตัว และตนก็เป็นคนที่รักสุนัขเช่นเดียวกัน และเท่าที่เห็นพระรูปดังกล่าวได้มีสุนัขออกช่วยรับบิณฑบาต และถือว่าเป็นการทรมานสัตว์ ขณะที่คนซึ่งที่เข้าแจ้งความ ก็พูดเกินเลยความเป็นจริง
“หากเป็นการทรมานสัตว์ก็ต้องเป็นอีกอย่างหนึ่ง ต้องมีการทุบตี หรือทำร้าย แต่หมาของพระที่บิณฑบาตก็ยังเห็นว่าหมาเป็นอิสระ และพระท่านก็ปล่อยให้ออกมาวิ่งเล่นได้ตามปกติ ทั้งยังวิ่งเล่นผ่านหน้าเกือบทุกวัน และในส่วนของกลุ่มแม่ค้าเองก็ได้มีการพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ โดยสรุปว่าคนที่ไปแจ้งความนั้นทำเกินไป ทำในเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นเรื่องให้เป็นเรื่องใหญ่ ที่สำคัญ ลักษณะอย่างนี้ไม่ใช่การทรมานสัตว์ ไม่เห็นด้วยต่อกลุ่มคนที่เข้าไปแจ้งความเพื่อเอาผิดต่อพระ” นางแอ๊ด กล่าว