ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “แม่ทัพภาค 2” ควง “ผู้ว่าฯ โคราช” ระดมทหารและเครื่องจักรกู้วิกฤตสูบกลับน้ำมูลเติมอ่างน้ำดิบการประปาส่วนภูมิภาคนครราชสีมาแห้ง ต่ออายุผลิตประปาได้อีก 1 เดือน เผยแล้งทวีรุนแรง รพ.ขามสะแกแสง และอีกว่า 250 หมู่บ้านจ่อขาดน้ำอุปโภคบริโภค สั่งบาดาลสำรวจพื้นที่เจาะน้ำช่วยชาวบ้าน
วันนี้ (14 มี.ค.) ที่บริเวณข้างสะพานข้ามแม่น้ำมูล ต.ท่าช้าง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครราชสีมา พล.ท.ธวัช สุกปลั่ง แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) พร้อมด้วยนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาและคณะ ได้ลงพื้นที่ตรวจติดตามการปฏิบัติงานขุดลอกลำน้ำมูล เพื่อผันน้ำจากฝายบ้านส้ม ต.ช้างทอง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครราชสีมา ที่ยังมีเหลืออยู่ในลำน้ำประมาณ 2 แสนลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) กลับขึ้นมาเติมอ่างน้ำดิบท่าช้าง ของการประปาส่วนภูมิภาค สาขานครราชสีมา ที่บ้านโนนไม้แดง อ.เฉลิมพระเกียรติ ระยะทาง 6 กิโลเมตร (กม.) หลังประสบปัญหาวิกฤตขาดแคลนน้ำดิบผลิตประปาให้บริการประชาชนในเขตพื้นที่ 2 อำเภอ คือ อ.เมืองนครราชสีมา และ อ.เฉลิมพระเกียรติ 18 ตำบล รวมกว่า 27,000 ครัวเรือน ให้มีน้ำดิบผลิตประปาต่อไปได้อีก 1 เดือน เพื่อรอเทศบาลนครนครราชสีมา ปล่อยน้ำที่สูบน้ำจากเขื่อนลำแชะ อ.ครบุรี มาเติมให้ต่อไป
พล.ท.ธวัช สุกปลั่ง มทภ.2 เปิดเผยว่า สถานการณ์ภัยแล้งของภาคอีสานขณะนี้กำลังทวีความรุนแรงและขยายวงกว้างอย่างต่อเนื่อง จังหวัดต่างๆ กำลังระดมกำลังในการช่วยเหลือ หลายพื้นที่ขาดน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค ทางกองทัพภาคที่ 2 ร่วมกับจังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นำรถบรรทุกน้ำเข้าไปแจกจ่ายน้ำให้แก่ประชาชนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน พร้อมทั้งจัดทำโครงการสู้ภัยแล้งด้วยแสงอาทิตย์ ซึ่งหลายจังหวัดกำลังดำเนินการอยู่ จากรายงานยังไม่พบจังหวัดใดอยู่ในขั้นวิกฤตจนถึงเกิดปัญหาการแย่งน้ำขึ้นแต่อย่างใด
ขณะนี้ทางกองทัพภาคที่ 2 ได้เตรียมรถบรรทุกน้ำและอุปกรณ์เครื่องมือในการสนับสนุนช่วยเหลือหน่วยงานต่างๆ ได้ทันทีตามที่ร้องขอ เช่นที่ จ.นครราชสีมาได้ร้องขอให้หน่วยทหารนำรถแบ็กโฮเข้มมาเปิดทางน้ำเพื่อผันน้ำกลับไปช่วยการประปาส่วนภูมิภาคสาขานครราชสีมา คาดว่าภายใน 3 วันจะดำเนินการแล้วเสร็จ ทั้งนี้ต้องขอความร่วมมือประชาชนช่วยกันประหยัดน้ำทุกวิถีทางเพื่อให้อยู่ได้ถึงฤดูฝนที่จะมาถึงนี้
ด้านนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าฯนครราชสีมา เปิดเผยถึงสถานการณ์ภัยแล้ง จ.นครราชสีมา ว่าขณะนี้ยังมีปัญหาอยู่ในพื้นที่ 10 อำเภอ ที่ประกาศภัยแล้งไปแล้ว โดยมี 60 หมู่บ้านที่ได้ทำการแจกจ่ายน้ำช่วยเหลือ ซึ่งการแก้ไขปัญหานั้น ได้มอบหมายให้แต่ละอำเภอสำรวจหมู่บ้านที่คาดว่าจะขาดแคลนน้ำ หากพื้นที่ใดสามารถสูบน้ำได้ก็ให้เร่งทำการสูบ แต่หากน้ำผิวดินหมดให้ทำการขุดเจาะบ่อบาดาล ส่วนพื้นที่ดินเค็มเจาะบาดาลไม่ได้ให้นำรถบรรทุกน้ำเข้าไปแจกจ่ายแทน
ขณะนี้ได้สำรวจรถบรรทุกน้ำเพื่อเตรียมการไว้ ซึ่งทราบว่ามีของเอกชนที่ยังพอมีอยู่บ้างหากจำเป็นจะขอความร่วมมือหรือติดต่อเพื่อขอยืมมาใช้งานก่อน ยืนยันว่าสถานการณ์ภัยแล้งของ จ.นครราชสีมา ยังสามารถควบคุมได้ประชาชนไม่ขาดน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคแน่นอน
นายวิเชียรกล่าวอีกว่า สำหรับปัญหาของการประปาส่าวนภูมิภาคสาขานครราชสีมานั้น การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าครั้งนี้จะทำให้มีน้ำดิบผลิตประปาอยู่ได้อีกประมาณ 1 เดือน ส่วนการขอใช้น้ำจากเทศบาลนครนครราชสีมายังติดปัญหาเรื่องกฎหมาย เนื่องจากอยู่ระหว่างการส่งมอบงานของผู้รับจ้าง แต่ทางเทศบาลนครฯ ไม่มีปัญหาเพียงแต่ต้องรอขั้นตอนดำเนินการทางด้านข้อกฎหมายก่อน คาดว่าน่าจะดำเนินการได้ทันก่อนที่น้ำดิบของการประปาส่วนภูมิภาคสาขานครราชสีมาจะหมดอีก
สำหรับแนวโน้มสถานการณ์ภัยแล้งนั้น ทางจังหวัดได้ประเมินว่าจะมีหมู่บ้านขาดแคลนน้ำในเดือน เม.ย.ประมาณ 250 หมู่บ้าน ขณะนี้หลายหมู่บ้านได้เร่งเจาะน้ำบาดาลและสูบน้ำเข้าไปเก็บไว้ในบ่อ แต่ต้องทำงานกันต่อไป เพื่อลดจำนวนหมู่บ้านเหล่านี้ลงไปให้ได้ และตั้งเป้าว่าประชาชนจะต้องมีน้ำใช้ถึงสิ้นเดือน พ.ค.ซึ่งฝนใหม่จะมาแล้ว
สำหรับสถานพยาบาลและโรงพยาบาลต่างๆ นั้น ได้มีการเตรียมการไว้แล้ว แต่มีโรงพยาบาลขามสะแกแสง อ.ขามสะแกแสง ที่เสี่ยงต่อการขาดน้ำเพราะปัจจุบันต้องสูบน้ำไกลถึง 8 กม.มาใช้ ประกอบกับขณะนี้สภาพอากาศร้อนการะเหยของน้ำลดลงอย่างรวดเร็วมาก ฉะนั้นจึงต้องเข้าไปช่วยเหลือต่อไป
