อุตรดิตถ์ - กลุ่มผู้นำท้องที่-ท้องถิ่น 2 ตำบลเมืองอุตรดิตถ์เร่งหาช่องค้าน ส.ป.ก.จัดสรรที่สาธารณะ “บึงกะโล่” ตามคำสั่งศาลปกครอง ชี้พิรุธคนร้องศาลฯ ขอจัดสรรที่มีแค่ 7 ราย แต่ล่าสุดกลับมีชื่อคนรุกครอบครองที่เพิ่มเป็น 71 รายแล้ว แถมมีชื่อนายทุน-ญาตินักการเมืองโผล่ด้วย
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเร็วๆ นี้ นายไพฑูรย์ พรหมน้อย กำนันตำบลคุ้งตะเภา, นายสมศักดิ์ หอมเพียร กำนันตำบลป่าเซ่า อ.เมืองอุตรดิตถ์ ได้หารือร่วมกับกลุ่มสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ป่าเซ่า ที่ห้องประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ วิทยาเขตรำนาราง ต.ป่าเซ่า อ.เมืองอุตรดิตถ์
เพื่อหาแนวทางคัดค้านสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) จ.อุตรดิตถ์ จะจัดสรรที่ดินบริเวณบึงกะโล่ ต.ป่าเซ่า ให้แก่กลุ่มนายทุน ญาตินักการเมือง และประชาชนที่ยากจนไม่มีที่ดินทำกิน
หลังจากศาลปกครองมีคำสั่งให้จัดสรรที่ดินรอบบึงกะโล่ให้กลุ่มผู้ร้องจำนวน 7 ราย ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของประชาชนทั้ง 2 ตำบล ที่หวงแหนรักษาบึงกะโล่ที่เป็นที่ดินสาธารณะไว้ใช้ประโยชน์ร่วมกันมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ และต่อไปจนถึงคนรุ่นลูกหลาน
นายไพฑูรย์กล่าวว่า บึงกะโล่มีพื้นที่ทั้งหมด 7,500 ไร่เศษ ครอบคลุมพื้นที่ ต.ป่าเซ่า และ ต.คุ้งตะเภา เป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่ที่ประชาชนใช้ทำการเกษตร เลี้ยงสัตว์ และเป็นแหล่งหากินของสัตว์น้อยใหญ่หลายชนิดมานาน ต่อมามีชาวบ้านทั้งใน 2 ตำบล และคนนอกพื้นที่ คือ กลุ่มนายทุน และญาตินักการเมือง บุกรุกครอบครอง
ต่อมากลุ่มผู้บุกรุก 7 รายได้ร้องต่อศาลปกครองเพื่อขอให้ ส.ป.ก.จัดสรรที่ดินที่ครอบครองให้ ซึ่งศาลปกครองมีคำสั่งให้จัดสรรได้ แต่กลับมีรายชื่อของผู้บุกรุกเพิ่มขึ้นเป็น 43 ราย และล่าสุดมีมากถึง 71 รายแล้ว
“หากมีการจัดสรรที่ดินให้เกรงพื้นที่บึงกะโล่จะหมดไป ประชาชนที่เคยเข้าไปใช้ประโยชน์ร่วมกันมานานจะไม่ได้ใช้อีกต่อไป”
นายไพฑูรย์กล่าวว่า ไม่ใช่เฉพาะประชาชนเท่านั้นที่ไม่เห็นด้วยกับการที่จะนำที่ดินบึงกะโล่ที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกันมานานไปจัดสรรให้คนนอกพื้นที่ นายทุน และญาตินักการเมือง กลุ่มผู้นำท้องถิ่นเองก็ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง
โดยจะทำหนังสือถึง ส.ป.ก.เพื่อนำไปเสนอยังคณะกรรมการจัดสรรที่ดินฯ ขอให้ ส.ป.ก.ทำการสำรวจแนวเขตที่ชัดเจนของบึงกะโล่ พร้อมขอให้ขึ้นทะเบียนกลุ่มคนที่ทำการบุกรุกก่อนที่จะมีการจัดสรรตามคำสั่งของศาลปกครอง และขอให้ทำการตรวจสอบคุณสมบัติของกลุ่มคนที่ ส.ป.ก.จะจัดสรรที่ดินให้เป็นไปตามกฎหมาย ถูกต้อง และเป็นธรรมที่สุด
“ที่ดินส่วนรวมจะตกเป็นของส่วนตัวไม่ได้ ยิ่งเป็นนายทุน และญาตินักการเมืองด้วยแล้ว ยิ่งไม่สมควรได้รับโดยเด็ดขาด” นายไพฑูรย์กล่าว