ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - รองผู้ว่าฯ เชียงใหม่ สรุปเหตุไฟไหม้ป่าเชิงดอยสุเทพพื้นที่เสียหาย 70 ไร่ สาเหตุมาจากชาวบ้านเข้าไปหาของป่าจุดไฟเผา สั่งเร่งหาตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว ย้ำมีการจัดเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนเฝ้าระวังป้องกันเข้มทุกพื้นที่ทั้งกลางวันกลางคืน ชี้เหมือนปิดทองหลังพระ วอนทุกฝ่ายให้กำลังใจ
วันนี้ (9 มี.ค. 59) นายมงคล สุกใส รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยความคืบหน้ากรณีไฟไหม้ป่าบริเวณเชิงดอยสุเทพในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ใกล้ห้วยตึงเฒ่า เขตรอยต่อตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง กับตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ วานนี้ (8 มี.ค.) 2 รอบ ทั้งช่วงกลางวัน และช่วงกลางคืนว่า เจ้าหน้าที่สามารถดับไฟได้ทั้งหมดตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมาแล้ว ขณะที่ตลอดทั้งวันนี้ได้มีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่เข้าลาดตระเวนและตรวจสอบอย่างเข้มงวดต่อเนื่องเพื่อเฝ้าระวังป้องกันไม่เกิดเหตุซ้ำอีก
สำหรับพื้นที่ได้รับความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 70 ไร่ ส่วนสาเหตุจากการตรวจสอบพบว่าน่าจะมาจากการจุดไฟเผาป่าของราษฎรในพื้นที่ใกล้เคียงที่เข้าไปหาของป่าซึ่งได้มีการสั่งการให้เจ้าหน้าที่ทำการสืบสวนติดตามหาตัวผู้ก่อเหตุมาลงโทษดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว พร้อมทั้งมีการจัดทำแนวกันไฟเพิ่มเติมและเข้มงวดตรวจตราคนที่จะเข้าออกพื้นที่บริเวณดังกล่าว
นอกจากนี้ ได้มีการกำชับคนงานก่อสร้างโครงการหมู่บ้านสวัสดิการทหารบก และบ้านพักส่วนของส่วนราชการแห่งหนึ่งที่อยู่บริเวณดังกล่าวให้ช่วยสอดส่องดูแลและห้ามจุดไฟเผา
ขณะที่การเฝ้าระวังป้องกันการเกิดไฟป่าในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่นั้น รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ระบุว่า แม้จะไม่เกิดเหตุไฟไหม้ป่าเชิงดอยสุเทพในครั้งนี้ก็มีการสั่งการกำชับให้ดำเนินการตรวจตราเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดอยู่แล้วในทุกพื้นที่ โดยมีการจัดชุดลาดตระเวนตามพื้นที่เสี่ยงของทุกหมู่บ้านและตำบล ทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อป้องกันการเกิดเหตุ และหากเกิดเหตุก็ต้องเร่งดับไฟให้เร็วที่สุด ที่ผ่านมาถือว่าได้ผลเป็นที่น่าพอใจระดับหนึ่ง เห็นได้จากสถานการณ์ปัญหาหมอกควันไฟป่าของจังหวัดเชียงใหม่ในปีนี้ที่ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาอย่างเห็นได้ชัด
นอกจากนี้ นายมงคลเปิดเผยว่า ในปีนี้จังหวัดเชียงใหม่มีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนและดับไฟป่า ออกปฏิบัติหน้าที่ทั่วทุกพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ รวมกว่า 1,000 คน โดยที่กำลังเจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งได้รับการสนับสนุนมาจากทางพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออก ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ทุกคนทำงานอย่างเต็มที่และยากลำบากภายใต้ข้อจำกัดหลายด้าน ทั้งนี้จึงอยากจะร้องขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันให้กำลังใจการทำงานของเจ้าหน้าที่กลุ่มนี้ที่ต้องทำงานเหมือนปิดทองหลังพระ และหากเป็นไปได้น่าจะช่วยกันให้การสนับสนุนด้านต่างๆ ตามสมควรในการทำงานของเจ้าหน้าที่