มหาสารคาม - บัสรถโดยสารสีชมพูสายอุดรฯ-ร้อยเอ็ดพลิกคว่ำ เสียชีวิตคาที่ 2 บาดเจ็บ 23 ราย เผยคนขับซิ่งและแซงรถยนต์บนถนนตลอดทาง ถึงที่เกิดเหตุเป็นทางโค้งเบรกไม่อยู่เสียหลักพลิกคว่ำ
เช้าวันนี้ (9 มี.ค.) ศูนย์รับแจ้งเหตุ 1669 จ.มหาสารคาม รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถบัสโดยสารพลิกคว่ำที่บริเวณทางโค้ง เขตรอยต่อบ้านเข็ง-บ้านหนองสระพัง ต.เสือเฒ่า อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม มีผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจำนวนมาก จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ศูนย์วิทยุกู้ภัยอโสกมหาสารคามรุดไปที่เกิดเหตุ
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบรถบัสโดยสารสีชมพู สายร้อยเอ็ด-ขอนแก่น-อุดรธานี หมายเลขทะเบียน 10-7995 ขอนแก่น หมายเลขข้างรถ 534-18 พลิกตะแคงอยู่ข้างทาง กระจกหน้าแตก สภาพรถพังเสียหาย และมีคนติดอยู่ในรถจำนวนมาก
เจ้าหน้าที่ศูนย์วิทยุกู้ภัยอโสกมหาสารคาม กู้ชีพโรงพยาบาลเชียงยืน และหน่วยกู้ภัยใกล้เคียงได้เข้าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลเชียงยืน พร้อมจัดรถอุปกรณ์ตัดถ่างช่วยเหลือผู้บาดเจ็บที่ติดอยู่ภายในรถออกมาอย่างเร่งด่วน
รวมผู้บาดเจ็บทั้งสิ้น 25 ราย มีผู้เสียชีวิต 2 ราย เป็นชาย 1 ราย หญิง 1 ราย ทราบชื่อคือ นางสาวสาวิตรี เคนานันท์ อายุ 34 ปี กำลังตั้งครรภ์ได้ 5 เดือน ชาว อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น และพระภิกษุ ชื่อ พระสมาน อายุประมาณ 80 ปี ซึ่งขึ้นรถทัวร์ที่จังหวัดขอนแก่น กำลังจะไปอำเภอนาดูน จ.มหาสารคาม
พ.ต.ท.สายัณห์ แก้วนิสัย ร้อยเวร สภ.เชียงยืน กล่าวว่า รถบัสโดยสารคันดังกล่าววิ่งมาจากจังหวัดอุดรธานี แวะรับผู้โดยสารที่จังหวัดขอนแก่น กำลังมุ่งหน้าเข้าจังหวัดมหาสารคาม มีนายกล้าณรงค์ เรืองศรี เป็นคนขับรถ ภายหลังเกิดเหตุได้หลบหนีไป ส่วนสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุคาดว่ารถได้เสียหลัก ซึ่งบริเวณที่เกิดเหตุเป็นช่วงทางโค้ง คนขับได้ขับรถแซงรถอีกคันขึ้นมา ก่อนจะเสียหลักเบรกไม่อยู่ทำพลิกคว่ำดังกล่าว
ด้านนายราชัน ไชยเบ้า นิสิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ปี 5 วิทยาลัยการเมืองการปกครอง ผู้โดยสาร กล่าวว่า ขึ้นรถมาจากจังหวัดขอนแก่น ขณะเกิดเหตุตนนอนหลับ จากนั้นได้ยินเสียงคนขับรถตะโกนว่าเบรกไม่อยู่ เหมือนเบรกแตก รถก็เสียหลักพลิกคว่ำก่อนรถลงข้างทาง ซึ่งตลอดเส้นทางรับรู้ได้ว่าคนขับขับรถเร็ว และแซงรถคันอื่นมาตลอด
ทั้งนี้ ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลเชียงยืนทั้งสิ้น 17 ราย แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้ 3 ราย ต้องนำตัวส่งต่อที่โรงพยาบาลขอนแก่น 3 ราย และเสียชีวิตคาที่ 2 ราย