กาฬสินธํุ์ - ตำรวจ สภ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ รวบหัวขโมยชุดชั้นใน และทรัพย์สินทุกอย่างที่ขวางหน้า โดยใช้ไขควงคู่กายเป็นอุปกรณ์งัดแงะ ด้านตำรวจเตือนให้ชาวบ้านระวังมิจฉาชีพช่วงนี้ สาเหตุข้าวยากหมากแพง
วันนี้ (8 มี.ค.) ที่ สภ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ นายเกรียงไกร กิริวรรณา นายอำเภอยางตลาด พ.ต.อ.ชัยพร พงษ์ศักดิ์ ผกก.สภ.ยางตลาด พ.ต.ท.บุญเทียน พุดสีเสน รอง ผกก. พ.ต.ท.ชรัช จันทร์สุระ รอง ผกก. พ.ต.ท.คุณวุฒิ เมธีพิตตินันท์ สวป. พ.ต.ท.สุภรณ์ กิจชมพู สวป. พ.ต.ท.ภานุพันธ์ บุญเพ็ง สว.สส. พร้อมด้วย ร.ต.ประธาน ประไชยโย ชปพท.ม.พัน 14 (จว.ก.ส.) กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จ.กาฬสินธุ์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ยางตลาด ร่วมแถลงข่าวจับกุม นายดำรง สิงขาภา อายุ 38 ปี บ้านเลขที่ 2 หมู่ 9 ต.กุดโดน อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ ผู้ต้องหาลักทรัพย์ในเคหสถาน
พ.ต.อ.ชัยพร พงษ์ศักดิ์ ผกก.สภ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากวันที่ 7 มีนาคม 2559 ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุสื่อสารว่า มีเหตุลักทรัพย์ที่บ้านเลขที่ 45 หมู่ 10 ต.ยางตลาด อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ จึงได้สั่งการให้ชุดจับกุมเข้าตรวจสอบ พบชายไม่ทราบชื่อท่าทางมีพิรุธ ใช้รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงิน ทะเบียน 1 กง กาฬสินธุ์ 7301 เป็นพาหะ ทำท่าจะขับหลบหนี
เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าสกัด และจับกุมตัวไว้ ทราบชื่อคือ นายดำรง สิงขาภา จากการตรวจสอบกระเป๋าผ้า และตามตัวพบสิ่งของ และทรัพย์สินที่ลักมาหลายรายการ เช่น กระปุกออมสิน มีเงินบรรจุอยู่ประมาณ 3,000 บาท โทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโมบาย 1 เครื่อง ยี่ห้อทรู 1 เครื่อง นาฬิกาข้อมือยี่ห้อไนกี้ 1 เรือน ยี่ห้อโคนาเวีย 1 เรือน ตัวชาร์จโทรศัพท์มือถือ 3 อัน หูฟังโทรศัพท์มือถือ 2 อัน โคมไฟ 1 อัน หมวกกันน็อก 1 ใบ เสื้อกันหนาว 1 ตัว สร้อยคอ 1 เส้น กำไลมือ 1 เส้น มีดปลายแหลม 1 เล่ม ไขควง 2 ตัว และชุดชั้นในอีกจำนวนหนึ่ง ก่อนควบคุมตัวมาสอบสวนที่ สภ.ยางตลาด มีชาวบ้านผู้เสียหายชี้ตัว และแสดงตัวเป็นเจ้าของทรัพย์สินหลายคน
จากการสอบสวน นายดำรง ผู้ต้องหามีพฤติการณ์ชอบขโมยของชาวบ้านทั่วไป มีเจ้าทุกข์เข้าแจ้งความไว้หลายราย โดยจะขับขี่จักรยานยนต์ตระเวนไปเรื่อยๆ พบบ้านเรือนหลังใดไม่มีคนอยู่เฝ้า ก็จะแอบเข้าไปโดยใช้ไขควงงัดประตู หรือหน้าต่างเข้าไปขโมยทรัพย์สินทุกอย่างที่ขวางหน้า ไม่เว้นแม้แต่ชุดชั้นในผู้หญิงด้วย ซึ่งสิ่งของที่ขโมยมาจะนำไปขายหาเงินใช้ในชีวิตประจำวัน
ทั้งนี้ จากการสอบประวัติเพิ่งพ้นโทษออกมา หลังถูกจับขัง 9 ปี 11 คดี ก่อนที่จะกลับมาก่อเหตุลักทรัพย์ และถูกเจ้าหน้าที่จับกุมอีก เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาลักทรัพย์ในเคหสถาน โดยยานพานะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุมหรือรับของโจร
อย่างไรก็ตาม ได้เตือนประชาชนให้เฝ้าระวังทรัพย์สินเพื่อป้องกันมิจฉาชีพก่อเหตุ เนื่องจากเป็นยุคข้าวยากหมากแพง การทำมาหากินฝืดเคือง อาจมีมิจฉาชีพชุกชุม จึงควรเพิ่มความระมัดระวัง ปิดประตูลงกลอนให้แน่นหนาเพื่อที่จะไม่เป็นช่องทางให้คนร้ายเข้างัดแงะลักทรัพย์ได้