เชียงราย - รมว.มหาดไทย ตระเวนลงพื้นที่พะเยา-เชียงรายเสร็จกลับกรุงทันที ย้ำโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษเชียงราย พื้นที่แม่สาย ไร้อุตสาหกรรมหนัก พุ่งเป้าพัฒนาเป็นศูนย์กลางการเงิน สินค้าโอทอปเป็นหลัก
วันนี้ (5 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เดินทางจาก จ.เชียงราย กลับกรุงเทพฯ แล้ว หลังลงพื้นที่ปฏิบัติภารกิจในเชียงราย-พะเยา ตลอดวานนี้ (4 มี.ค.) ทั้งวัน โดยได้เดินทางไปดูโครงการจัดรูปที่ดิน และการผลิตผักตับชวาเพื่อเป็นปุ๋ยอินทรีย์พื้นที่ อ.เมืองพะเยา รวมทั้งที่อุทยานแห่งชาติภูซาง อ.ภูซาง ซึ่งไม่มีมวลชนไปแสดงพลังยื่นหนังสือเกี่ยวกับเรื่องข้อพิพาทเรื่องที่ดินตามที่มีกระแสก่อนหน้านี้แต่อย่างใด
และเมื่อ พล.อ.อนุพงษ์ เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ต่อไปยัง อ.แม่สาย จ.เชียงราย พบว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการเก็บป้ายคัดค้านการนำที่ดินปลูกยาสูบราชพัสดุ (โรงงานยาสูบ) ตั้งเป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษที่เคยติดไว้ตามริมถนนพหลโยธิน บ้านน้ำจำ ต.โป่งผา อ.แม่สาย ออกทั้งหมด
แต่เมื่อ พล.อ.อนุพงษ์ เดินทางไปถึงศาลาอเนกประสงค์บ้านจ้อง ต.โป่งผา อ.แม่สาย เพื่อตรวจโครงการตำบลละ 5 ล้านบาท และดูเรื่องการจัดหาสถานที่จัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ จ.เชียงราย โดยมี นายบุญส่ง เตชะมณีสถิตย์ ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย บรรยายสรุป ก็มีมวลชนไปรอยื่นหนังสือคัดค้านการใช้ที่ราชพัสดุดังกล่าว
โดยกลุ่มชาวบ้านให้เหตุผลว่า หากรัฐใช้พื้นที่ราชพัสดุประมาณ 870 ไร่ 3 งาน 5 ตารางวา ที่ชาวบ้านปลูกยาสูบเลี้ยงชีพมานาน ไปตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ อ.แม่สาย ควบคู่กับการจัดตั้งที่ อ.เชียงแสน และ อ.เชียงของ จะทำให้ได้รับผลกระทบกันอย่างกว้างขวาง
ซึ่งทาง รมว.มหาดไทย ได้รับเรื่องไว้ และได้ชี้แจงกับชาวบ้านว่า พื้นที่ดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างการศึกษาผลกระทบ ยังไม่ระบุชี้ชัดว่าจะใช้พื้นที่ใดเพื่อประกาศเป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษกันแน่ แต่ถ้ามีการเลือกพื้นที่ดังกล่าวจริงก็ย่อมต้องมีการจ่ายเงินชดเชยให้แก่ประชาชน และเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบตามระเบียบกระทรวงการคลัง
พล.อ.อนุพงษ์ ยังบอกด้วยว่า และพื้นที่เขตที่ อ.แม่สาย จะไม่ใช้ตั้งเป็นนิคมอุตสาหกรรมแต่อย่างใด แต่จะเป็นศูนย์จำหน่ายสินค้าโอทอป และศูนย์กลางการเงินเท่านั้น ดังนั้น จึงไม่ต้องตื่นตระหนก ซึ่งทำให้ชาวบ้านเข้าใจ และแยกย้ายกันกลับ
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้มีมวลชนหลากหลายกลุ่มที่จะเข้ายื่นหนังสือต่อ รมว.มหาดไทย โดยเฉพาะเรื่องปัญหาที่ดินทำกินที่ อ.ภูซาง จ.พะเยา และ อ.แม่สาย จ.เชียงราย แต่ทางผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับเรื่องเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
