กาญจนบุรี - ผู้ว่าฯ กาญจนบุรี ควงนายกเหล่ากาชาดเยี่ยมบ้าน 7 หลัง ชุมชนบ้านเขาน้อย อำเภอท่าม่วง ที่ถูกไฟไหม้ พร้อมระดมทุกหน่วยงานเข้าช่วยเหลือ
เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (1 มี.ค.) นายศักดิ์ สมบุญโต ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี นางสายศร สมบุญโต นายกเหล่ากาชาดจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมคณะเดินทางไปที่ชุมชนบ้านเขาน้อย หมู่ 1 ต.เขาน้อย อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี เพื่อเยี่ยมเยือน และหาทางช่วยเหลือราษฎรที่ได้รับความเดือดร้านจากการที่ไฟไหม้บ้านได้รับความเสียหายทั้งหมด 7 หลัง เมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยมี นายจำรัส กังน้อย นายอำเภอท่าม่วง นายอนันต์ แม้นทิม นายก อบต.เขาน้อย รวมทั้งเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกาญจนบุรี ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และผู้นำท้องถิ่นร่วมให้การต้อนรับ
ขณะเดียวกัน นายธนา ถิ่นวัฒนากูล อายุ 18 ปี นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนท่าม่วงราษฎร์บำรุง พร้อมกลุ่มเพื่อน และคณะอาจารย์ของโรงเรียนได้รวบรวมเงิน และสิ่งของเครื่องใช้ไปมอบให้แก่ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนตามโครงการ หนาวหนัก เอาบุญหนุน หอบไออุ่น ห่มน้องหนู และมีพระสงฆ์จากวัดต่างๆ รวมทั้งประชาชนในพื้นที่ได้นำเงิน และสิ่งของไปมอบให้อย่างต่อเนื่อง และลานหน้าบ้านได้มีการกางเต็นท์เอาไว้เป็นจุดรับบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยเอาไว้ด้วย
สำหรับราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากการที่บ้านถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหมด มีจำนวน 4 หลัง ประกอบด้วย 1.นางสุทิน โกสิทธิ์ เจ้าของบ้านเลขที่ 19 อาศัยอยู่ด้วยกัน 3 คน 2.นายนิรุต กลิ่นหอม เจ้าของบ้านเลขที่ 10/3 อาศัยอยู่ด้วยกัน 2 คน 3.นายสุริยา กลิ่นหอม เจ้าของบ้านเลขที่ 10/4 อาศัยอยู่ด้วยกัน 4 คน 4.นายลั่นทม สงวนวงษ์ เจ้าของบ้านเลขที่ 12/5 อาศัยอยู่ด้วยกัน 6 คน 5.นายเที้ยม สงวนวงษ์ เจ้าของบ้านเลขที่ 12/1 อาศัยอยู่ด้วยกัน 2 คน 6.นางเป้า ทรัพย์มิตร เจ้าของบ้านเลขที่ 3/1 อาศัยอยู่ด้วยกัน 2 คน และ 7.นางภรทิพย์ กลิ่นหอม เจ้าของบ้านต้นเพลิงเลขที่ 10 อาศัยอยู่ด้วยกัน 6 คน โดยทั้ง 7 ครอบครัวเป็นเครือญาติกันทั้งหมด
โดย นายศักดิ์ สมบุญโต ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุทางเหล่ากาชาดจังหวัดกาญจนบุรี ก็ได้จัดหาเครื่องนุ่งหุ่ม และเงินสดจำนวนหนึ่งมามอบให้เพื่อเป็นการบรรเทาทุกข์ในเบื้องต้น และขั้นตอนต่อไปหน่วยงานรัฐก็จะประกาศให้เป็นเขตให้ความช่วยเหลือ และหลังจากนี้ ปภ.ก็จะเร่งอนุมัติเงินให้ความช่วยเหลือครอบครัวที่บ้านถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหมดครอบครัวละ 3 หมื่นบาท ส่วนบ้านถูกถูกไฟไหม้เสียหายบางส่วนก็จะช่วยเหลือลดหลั่นกันไปตามความเหมาะสม ในส่วนของกาชาดก็จะมอบให้อีก 5 พันบาท และ 3 พันบาทตามลำดับ
แต่เชื่อว่าเงินที่ได้คงจะไม่พอต่อการนำมาสร้างบ้านใหม่ ซึ่งตนจะพยายามระดมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาให้ความช่วยเหลือโดยเฉพาะวัสดุในการก่อสร้าง และจะขอกำลังเจ้าหน้าที่ทหารจากกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ มาช่วยกันสร้างบ้านหลังใหม่ และระหว่างนี้จะหาอาชีพให้ครอบครัวที่ได้รับความเดือดร้อนได้มีงานทำ และทราบว่าทั้งหมดมีอาชีพทำไม้เสียบลูกชิ้นขาย ก็จะจัดสรรที่บริเวณถนนคนเดินที่บริเวณถนนปากแพรก เขตเทศบาลเมืองกาญจนบุรีให้ หรืออาจจะหาที่ที่เหมาะสมให้
สำหรับแนวทางการป้องกันเหตุอัคคีภัย ทางจังหวัดได้ประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะขอให้ประชาชนตรวจสอบเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดที่มีอยู่ภายในบ้าน หากสายไฟฟ้ามีสภาพเก่าก็ขอให้เปลี่ยนใหม่ และก่อนออกจากบ้านก็ขอให้ถอดปลั๊กไฟออกเสียก่อน รวมทั้งขอให้ดับเทียน หรือธูปที่จุดเอาไว้ในห้องพระด้วย ส่วนเทศบาล และ อบต.แต่ละแห่งให้เตรียมความพร้อมเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ และรถดับเพลิงเอาไว้ตลอด 24 ชั่วโมง เมื่อเกิดเหตุก็จะทำให้เข้าไปช่วยเหลือได้ทัน แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ที่สามารถป้องกันเหตุได้ดีที่สุดก็คือ เจ้าของบ้าน ดังนั้น เจ้าของบ้านจะต้องหมั่นตรวจสอบวัตถุที่ก่อให้เกิดไฟไหม้อย่างต่อเนื่อง
ด้าน นายจำรัส กังน้อย นอภ.ท่าม่วง เปิดเผยว่า เนื่องจากไฟไหม้ครั้งนี้มีบ้านเรือนประชาชนถูกไฟไหม้พร้อมกันหลายหลัง ดังนั้น ทางอำเภอจึงประสานขอความช่วยเหลือไปยัง ปภ. และหลังจากมีการประกาศเป็นเขตให้ความช่วยเหลือ หลังจากนี้ ทางอำเภอก็จะการประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ความช่วยเหลือต่อไป
ส่วน นายอนันต์ แม้นทิม นายก อบต.เขาน้อย กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุมีชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนไม่มีที่หลับนอน จำนวน 3 ครัวเรือน รวม 13 คน ซึ่งทาง อบต.ได้ให้ชาวบ้านทั้ง 13 คน ไปพักอาศัยเป็นการชั่วคราวที่โรงโม่ที่อยู่ใกล้กัน จนกว่าจะสามารถสร้างบ้านหลังใหม่แล้วเสร็จ ซึ่งทาง อบต.ก็จะให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่
นางสุทิน โกสิทธิ์ เปิดเผยว่า ขณะเกิดเหตุไฟไหม้ตนไปทำธุระที่อำเภอบ้านโป่ง จ.ราชบุรี ส่วนน้องสาว คือ นางภรทิพย์ เจ้าของบ้านต้นเพลิงก็พาญาติพี่น้องไปทำบุญที่อำเภอสังขละบุรี และหลังจากทุกคนทราบว่าบ้านถูกไฟไหม้ก็ถึงกับช็อก ส่วนทรัพย์ที่มีอยู่ภายในบ้านก็ถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหมด ยังคงเหลือแค่เงินเหรียญ และธนบัตรสมัยที่ยังเป็นแบงก์สยามรัฐ หลงเลืออยู่เล็กน้อย แต่ก็ถูกไฟไหม้ไปบางส่วน หลังจากเกิดเหตุท่านผู้ว่าราชการจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ได้เข้ามาให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้ว