xs
xsm
sm
md
lg

ชาวบ้านโนนใหญ่เดชอุดมไม่หวั่นแล้ง นำต้นคล้าสานกระติบข้าวสร้างรายได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ชาวบ้านโนนใหญ่ ต.กลาง อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี  ตากต้นคล้าเตรียมทสานกระติบข้าวเหนียว ขายสร้างรายได้ ช่วงหน้าแล้ง
อุบลราชธานี - ชาวนาเมืองดอกบัวประสบภัยแล้งหนัก หันมาใช้ต้นคล้าสานกระติบข้าวเหนียวสร้างรายได้เดือนละกว่า 5 พันบาท เหตุต้นคล้ามีคุณสมบัติยืดหยุ่นกว่าต้นไผ่ ไม่เป็นเชื้อรา ข้าวไม่ติดกับกระติ๊บข้าว เก็บความร้อนได้นาน ทำให้ข้าวนุ่มอร่อย

สถานการณ์ภัยแล้งที่ส่งผลกระทบต่อการเพาะปลูกพืชเกษตรในขณะนี้ ทำให้ชาวบ้านโนนใหญ่ ต.กลาง อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี รวมตัวใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นนำต้นคล้าสาน หรือต้นแหย่ง ในภาษาถิ่นสานกระติบข้าวเหนียว ซึ่งเดิมชาวบ้านทำไว้ใช้เองในครัวเรือน มาใช้สร้างรายได้เสริมช่วงหน้าแล้ง หลังไม่สามารถเพาะปลูกพืชผลได้

นางบังอร สรสิทธิ์ อายุ 45 ปี เปิดเผยถึงการนำต้นคล้ามาจักสานแทนต้นไผ่ว่า ต้นคล้ามีลำต้นเป็นปล้องยาวเนื้ออ่อน ทำให้มีความยืดหยุ่นกว่าต้นไผ่ เมื่อได้รับความชื้นก็ไม่เป็นเชื้อรา ข้าวไม่เกาะติดกับกระติบข้าว เก็บความร้อนได้นาน และใช้งานได้นานกว่ากระติ๊บข้าวเหนียวจากต้นไผ่ที่นิยมทำกันอยู่ โดยชาวบ้านโนนใหญ่นิยมนำต้นคล้ามาสานเป็นกระติบข้าวใช้ในครัวเรือน และทำขายเป็นอาชีพเสริมในช่วงฤดูแล้ง ส่วนต้นคล้าก็สามารถหาได้ทั่วไปตามหัวไร่ปลายนา หรือจะปลูกขึ้นเองก็ได้

ส่วนการนำมาทำกระติบข้าวต้องเลือกต้นคล้าอายุตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป เพราะขนาดลำต้นจะมีความยาวไม่น้อยกว่า 50 เซนติเมตร เหมาะแก่การนำมาทำเป็นเส้นตอกใช้จักสาน โดยหลังตัดต้นคล้ามาแล้วให้ตากแดดไว้ประมาณ 1 สัปดาห์ แล้วขูดเอาไส้ในออกให้เหลือแต่เปลือกนอกเพื่อนำมาเป็นเส้นตอกใช้จักสาน ระหว่างนำเส้นตอกมาสานก็จุ่มน้ำเป็นระยะจะทำให้สานได้ง่าย แต่ถ้าต้องการเสริมความแข็งแรงให้กับกระติ๊บข้าวเข้าไปอีกก็นำเส้นตอกไม้ไผ่เสริมบริเวณฐานที่ทำจากก้านตาล แล้วเย็บด้วยเชือกให้ติดกับก้านตาล ทำให้แข็งแรงทนทานต่อการใช้งาน

ปัจจุบันกระติบข้าวเหนียวจากต้นคล้ามีราคาตั้งแต่ 100-250 บาท สูงสุดที่ 750 บาท แล้วแต่ขนาด และทุกวันนี้จะมีรถของพ่อค้าคนกลางขับเข้ามารับซื้อจากชาวบ้านไปจำหน่ายต่อสัปดาห์ละ 2 ครั้ง สร้างรายได้ให้แก่ครัวเรือนไม่น้อยกว่าหลังคาเรือนละ 5,000-10,000 บาทต่อเดือน ซึ่งแล้วแต่ความขยันของแต่ละคน



กำลังโหลดความคิดเห็น