“เมย์เมียว” บานแล้ว ณ ลานปาย-พร้อมรับนักท่องเที่ยวร่วมงานใหญ่สุดสัปดาห์นี้

ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ทุ่งดอกเมย์เมียวเริ่มบานพร้อมรับคนเที่ยวงาน “เมย์เมียวบาน ณ ลานปาย” สุดสัปดาห์นี้แล้ว คนเก่าแก่เมืองปายเผยตั้งความหวังปลุกกระแสอนุรักษ์ให้เมย์เมียวเป็นดอกไม้ประจำถิ่น ให้คนปายร่วมปลูกทั้งเมือง เหมือนขุนยวมมีดอกบัวตอง

วันนี้ (22 ก.พ.) นางอาภรณ์ แสงโชติ หรือป้าแหลง ประธานศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ของชุมชนชาวอำเภอปาย จ.แม่ฮ่องสอน ในฐานะชาวเมืองปายผู้อนุรักษ์เมล็ดพันธุ์ดอกเมย์เมียวที่เริ่มจะหายากขึ้นทุกวัน เปิดเผยว่า ขณะนี้ชาวอำเภอปายพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวที่จะมาร่วมงาน “เมย์เมียวบาน ณ ลานปาย” ที่จะจัดในวันเสาร์-อาทิตย์ที่ 27-28 ก.พ.ที่จะถึงนี้แบบฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

ภายในงานที่จะจัดขึ้นที่ “โรมานซ์ฟาร์ม” (ฟาร์มแกะ) ต.เวียงเหนือ อ.ปาย จะมีการออกร้านจำหน่ายอาหาร ผลิตภัณฑ์อินทรีย์ ของที่ระลึกต่างๆ รวมทั้งมีการแสดงวัฒนธรรมชนเผ่าของพี่น้องชาวไทยภูเขาที่อาศัยอยู่ในเขตอำเภอปาย

ไฮไลต์ของงานจะอยู่ที่เย็นวันที่ 27 ก.พ. หลังพิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการโดยผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน จะมีการแสดงดนตรีในสวนของนักร้องหญิงผู้เป็นตำนานแห่งล้านนา “สุนทรี เวชานนท์” กับคอนเสิร์ต “เมียวเมียวมูมู” ซึ่งเป็นบทเพลงที่ผู้แต่งคือ “จรัล มโนเพ็ชร” ได้แรงบันดาลใจจากความงามพิสุทธิ์ของดอกเมย์เมียว ตามด้วยวงดนตรี เบิ้ม & ปายแฟมิลี่ และหุ่นกระบอกเจ้าของรางวัลระดับโลก โจ-หน่า (หุ่นกระบอกมีการแสดงทั้งวันที่ 27 และ 28 ก.พ.) ส่วนในตอนเย็นของวันที่ 28 ก.พ. จะมีคอนเสิร์ตของ อิน บูโดกัน ตามด้วย Aom & Norbert ศิลปินมีชื่อจากเมืองปาย

ทางผู้จัดงานได้ยืนยันว่า ถนนเส้นทาง 1095 จากเชียงใหม่มา อ.ปาย กว้างขวางสะดวกสบายดีแล้ว การก่อสร้างถนนเกือบจะสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ จะเหลือก็แต่เก็บงานบนไหล่ทางบางส่วนเท่านั้น

“ป้าแหลง” ผู้หลักผู้ใหญ่ของเมืองปายที่ได้รับการนับหน้าถือตา ยังได้เล่าขานตำนาน “ดอกเมย์เมียว” อีกว่า ดอกเมย์เมียวที่ชาวไทใหญ่เรียกว่าดอกซะเทวาต๊ะ (ดอกวาระเศรษฐี) เป็นดอกไม้ที่เคยมีปลูกอยู่ทั่วไปในเมืองปาย สมัยก่อนจะปลูกแซมตามไร่กระเทียมในฤดูหนาว เพราะเป็นดอกไม้ที่ชอบอากาศหนาวเย็น ชาวไต (ไทใหญ่) นิยมใช้เป็นดอกไม้บูชาพระ แต่ต่อมาก็ค่อยๆ หายไป คงเพราะเป็นดอกไม้ที่บอบบาง และอ่อนไหวต่อโรคต่างๆ แค่โดนฝนลงหนักๆ ก็จะไม่เติบโตแล้ว และมีเวลาบานให้ดอกอยู่แค่ประมาณไม่ถึงสองเดือนเท่านั้น แต่ต้องใช้เวลาปลูกกว่าสามเดือน ซึ่งอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ดอกเมย์เมียวหาได้ค่อนข้างยากในปัจจุบัน แต่ในทางตัวเมืองแม่ฮ่องสอนก็ยังเห็นมีปลูกอยู่บ้าง

ด้วยความที่เป็นชาวเมืองปายท้องถิ่นและมีเชื้อสายไทใหญ่ ทั้งยังเป็นคนที่รักดอกไม้ “ป้าแหลง” จึงได้ค่อยๆ เก็บสะสมเมล็ดพันธุ์ไว้ทีละเล็กละน้อย ค่อยๆ ปลูกเพื่อสะสมเมล็ดพันธุ์ดอกเมย์เมียวไว้เรื่อยๆ เพราะต้องการอนุรักษ์ดอกไม้นี้ไว้ให้เป็นดอกไม้ประจำเมืองปาย คล้ายๆ กับ “ขุนยวม” ที่มีดอกบัวตองเป็นดอกไม้ประจำอำเภอ เมื่อสะสมได้มากขึ้น สามารถปลูกเป็นแปลงใหญ่ได้ในบริเวณบ้านสวน “ป้าแหลง” ในตัวเมืองปาย ที่อยู่ในซอยตรงข้ามโรงพยาบาลปาย

กระทั่งปี 2558 ที่ผ่านมา “ป้าแหลง” จึงได้จัดงาน “เมย์เมียวบาน ณ ลานปาย” ขึ้นที่บ้านสวนป้าแหลง ซึ่งเปิดเป็นศูนย์ศึกษาเรียนรู้ชุมชนของอำเภอปายด้วย โดยใช้งบประมาณส่วนตัวในการปลูกและบำรุงรักษาจนสามารถปลูกเป็นแปลงใหญ่ๆ ได้ โดยมีการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานแม่ฮ่องสอน และศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานเข้ามาร่วมสนับสนุนในตอนหลัง

โดยในงานมีผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนในขณะนั้นเป็นประธานในการเปิดงาน ครั้งนั้น “ป้าแหลง” ที่ตั้งใจจะอนุรักษ์เมล็ดพันธุ์ดอกเมย์เมียวนี้ไว้ให้ดีเพื่อเป็นมรดกให้ลูกหลานเมืองปาย โดยให้ผู้มาร่วมงานและประสงค์อยากจะได้เมล็ดพันธุ์ไปปลูกได้ลงชื่อไว้เพื่อขอรับเมล็ดพันธุ์ต่อไป

ซึ่งมาในปีนี้เมล็ดพันธุ์ที่ “ป้าแหลง” สะสมไว้ได้มอบให้นายนิวาต ขิตสกุล นำไปปลูกที่ “โรมานซ์ฟาร์ม” บนเนื้อที่ถึง 20 ไร่ เพื่อจัดงานส่งเสริมการท่องเที่ยวให้กับอำเภอปาย และจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตามนโยบายของจังหวัดฯ ที่ต้องการให้มีการจัดงานที่ใหญ่ขึ้น เพราะสวนป้าแหลงในตัวเมืองปายมีขนาดแค่ 9 ไร่เท่านั้น

“ป้าแหลง” หรือ นางอาภรณ์ แสงโชติ บอกว่า หลังงานครั้งนี้ที่โรมานซ์ฟาร์มผ่านไป เมื่อดอกเมย์เมียวโรยแล้ว ชาวเมืองปายผู้ที่ลงชื่อขอเมล็ดพันธุ์ไว้สามารถติดต่อขอรับเมล็ดพันธุ์ได้ที่ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ชุมชนของอำเภอปาย (บ้านป้าแหลง) และขอให้ชาวเมืองปายได้พร้อมใจร่วมมือกันปลูกในฤดูหนาวปลายปีนี้ ซึ่งจะเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวของอำเภอปาย ให้เมืองปายบานสะพรั่งไปด้วยดอกเมย์เมียวทุกหนแห่ง ให้ดอกเมย์เมียวอยู่คู่กับเมืองปายตลอดไป