ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ตร.ภาค 3 ตามรวบหนุ่มใหญ่อ้างตัวเป็นเสนาธิการทหารฝ่ายข่าวกรอง จ.ลพบุรี หลอกเหยื่อสาวใหญ่ศรีสะเกษผ่านโซเชียลมีเดีย เชิดรถยนต์หนีไปจำนำเชียงใหม่ ตร.ตามรวบได้คาบ้านพักพร้อมสาวถึงนายทุนรับซื้อรถแต่ไหวตัวทัน สอบประวัติพบเพิ่งพ้นคุกคดีฉ้อโกง พร้อมหลอกเหยื่ออีกที่ร้อยเอ็ดจะแต่งงานด้วย ด้านเหยื่อรับเชื่อสนิทใจ เหตุส่งรูปชุดทหารมาให้ดู
เมื่อเวลา 11.30 น.วันนี้ (19 ก.พ.) ที่บริเวณด้านหน้ากองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ต.ต.เฉลิม สุวรรณรัตน์โอสถ ผู้บังคับการกองบังคักบการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 (ผบก.สส.ภ. 3) พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวน ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายวินัย หรือเหน่ง กรณ์ประสิทธิ์ อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 73 ม.4 ต.ห้วยยางโพน อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี (ไม่ได้นำตัวมาแถลง) ตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยา ที่ 71/2559 ลงวันที่ 14 ก.พ. 2559 พร้อมของกลางรถยนต์เก๋งยี่ห้อ ฮอนด้า แจ๊ซ ทะเบียน 4 กฌ 9402 กรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากนายวินัย หรือเหน่ง แอบอ้างตนว่าเป็นนายทหารระดับเสนาธิการของชุดข่าวกรองทางทหารจังหวัดลพบุรี ได้ติดต่อทำความรู้จักเพื่อตีสนิทกับ น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 42 ปี ชาว อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกา ผ่านทางโซเชียลมีเดีย โดยใช้แอปพลิเคชัน Beetalk และ Line เริ่มคุยกันประมาณเดือน พ.ย. 2558 ติดต่อกันเรื่อยมา และนายวินัยได้ส่งรูปภาพสวมใส่เครื่องแบบทหารมาให้ผู้เสียหายดูเพื่อให้หลงเชื่อ กระทั่งวันที่ 28 ม.ค. 2559 นายวินัยได้นัดเจอกับ น.ส.เอ ที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จากนั้นได้พูดคุยใช้กลอุบายหลอกยืมรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า แจ๊ซ สีบรอนซ์ ของ น.ส.เอไปจากพื้นที่
ต่อมาชุดจับกุมได้สืบทราบว่านายวินัย ผู้ต้องหามาพักอาศัยอยู่ที่บริเวณ อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี จึงเดินทางไปตรวจสอบพบผู้ต้องหายืนอยู่หน้าบ้านเลขที่ 14/13 ถ.ปิยะบุตร ต.บ้านหมี่ อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี จึงแสดงตัวเข้าตรวจสอบข้อมูล ทราบว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง จึงแสดงหมายจับและแจ้งข้อกล่าวหา ผู้ต้องหารับสารภาพและยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง แต่ไม่พบรถยนต์ที่ลักมา จึงทำการขยายผลเพื่อตามหารถยนต์ที่หายไป
นายวินัยให้การว่า ได้นำรถยนต์คันดังกล่าวไปจำนำกับนายบอย (ไม่ทราบชื่อสกุลจริง) เพื่อนของคนเคยรู้จัก เจ้าหน้าที่จึงให้นายวินัยติดต่อนายบอยเพื่อสอบถามหารถ จนทราบว่านายบอยอยู่ที่ ต.ฟ้าฮ่าม อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ซึ่งนายบอยไหวตัวทันได้นำรถมาจอดทิ้งไว้ที่บริเวณลานจอดรถโรงพยาบาลเทพปัญญา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ แล้วหลบหนี้ไป จึงประสานชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 5 เข้าตรวจสอบและพบรถยนต์ของกลางดังกล่าวจอดไว้จริงและทำการตรวจยึดนำส่งพนักงานสอบสวน และนำมามอบให้ผู้เสียหายต่อไป
จากการสอบประวัตินายวินัยพบว่าเพิ่งพ้นโทษคดีฉ้อโกงออกมาได้ไม่กี่เดือน และยังไปหลอกจะแต่งงานกับหญิงสาวที่จังหวัดร้อยเอ็ดอีก 1 รายด้วย
ขณะที่ น.ส.เอ ผู้เสียหาย ได้เดินทางมาดูรถยนต์ พร้อมตรวจสอบทรัพย์สินภายในรถ พบว่าพระเครื่องราคาแพงในรถหายไปทั้งหมด และรถมีรอยเฉี่ยวชนด้านหน้า พร้อมกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ติดตามรถกลับคืนมาได้ ยอมรับว่าหลงเชื่อนายวินัยอย่างสนิทใจเพราะพูดจาหว่านล้อมชักจูงเก่ง น่าเชื่อถือ แต่จากนี้ไปจะระมัดระวังมากขึ้น พร้อมกับฝากเตือนผู้ที่เล่นโซเชียลมีเดียให้ระมัดระวังด้วยอาจโดนหลอกเหมือนตัวเองได้
