รวบหนุ่มวัย 30 ก่อเหตุลักทรัพย์ในเคหสถานหลายพื้นที่ เฉพาะปี 58 เจอหมายจับ 4 หมาย พบเคยติดคุกในข้อหาเดียวกันนี้มาแล้ว 7 ปี พ้นโทษกลับมาก่อเหตุซ้ำอีก อ้างขาดรายได้ เป็นช่างทำฝ้าตกแต่งบ้านเศรษฐกิจไม่ดีไม่มีคนจ้าง
วันนี้ (30 ธ.ค) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 15.30 น. พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1บก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.ต.ภาณุมาศ แสงส่ง สว.กก.1 บก.ป. ร.ต.อ.กษิดิ์เดช เจริญลาภ รองสว.กก.1บก.ป. ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายสาทิตย์ หรือหนึ่ง คลังโชติ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 84 ถ.แสงชูโต 20 ต.ปากแพรก อ.เมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี ตามหมายจับศาลจังหวัดกำแพงเพชร ที่ 302/2558 ลงวันที่ 16 ธ.ค. ในข้อหาลักทรัพย์ในเคหสถาน พร้อมของกลางพระเครื่อง สร้อยคอทองคำหลายรายการ เงินสดจำนวนหนึ่ง เสื้อและกางเกงที่สวมใส่ในวันก่อเหตุ โดยจับกุมจุดตรวจปฐมพร หมู่ที่ 9 ต.วังไผ่ อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร
พ.ต.อ.จิรภพกล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่รับแจ้งมีเหตุลักทรัพย์ภายในเทศบาลแห่งหนึ่ง ท้องที่ สภ.ขาณุวรลักษบุรี โดยครั้งนั้นคนร้ายได้ทรัพย์สินเป็นกล้องถ่ายรูปจำนวน 1 ตัว นอกจากนี้ยังได้ไปก่อเหตุลักทรัพย์บ้านของอัยการผู้พิพากษา พื้นที่ สภ.ไทรน้อย โดยครั้งนั้นคนร้ายได้พระเลี่ยมทอง แหวน และทรัพย์สินเป็นจำนวนมากมูลค่าเกือบ 1 ล้านบาท จากการสืบสวนพบลายนิ้วมือแฝงในที่เกิดเหตุและภาพจากกล้องวงจรปิดจนทราบเบาะแสว่าผู้ก่อเหตุคือนายสาทิตย์ที่เคยถูกจับกุมข้อหาคดีลักทรัพย์มาก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ เมื่อตรวจสอบพบอีกว่านายสาทิตย์เคยก่อเหตุลักษณะเดียวกันในหลายพื้นที่ และถูกศาลออกหมายจับอีก 4 หมายจับ ได้แก่ หมายจับศาลจังหวัดตลิ่งชัน ที่ 841/2558 ลงวันที่ 10 พฤศจิกายน ในข้อหาลักทรัพย์ในเคหสถาน
พ.ต.อ.จิรภพกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีหมายจับศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ 413/2558 ลงวันที่ 23 ธันวาคม ในข้อหาลักทรัพย์ในเคหสถาน, หมายจับของศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ 964/2558 ลงวันที่ 29 ธันวาคม 2558 ในข้อหาบุกรุกเคหสถาน ทำให้เสียทรัพย์ และลักทรัพย์ในเคหสถาน และหมายจับศาลจังหวัดกาญจนบุรี ที่ มจ 5/2558 ลงวันที่ 8 มกราคม 2558 ในข้อหาเป็นทหารกองเกินที่ถูกกำหนดตัวให้เข้ารับราชการทหารกองประจำการไม่มารายงานตัวตามหมายนัดของนายอำเภอ ทั้งนี้ยังพบอีกว่าเมื่อปี 2548 นายสาทิตย์เคยถูกจับดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์ในเคหสถานใน จ.กาญจนบุรี ติดคุก 7 ปี 7 เดือน หลังจากพ้นโทษก็ได้ก่อเหตุลักทรัพย์อีกครั้งเมื่อปี 2554 ก่อนจะถูกจับกุมอีกครั้งและได้ประกันตัวในชั้นศาล จากนั้นจึงหลบหนีก่อนมาก่อเหตุซ้ำดังกล่าว
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ก่อนหน้านี้เคยถูกดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์ เมื่อพ้นโทษออกมาก็ประกอบเป็นช่างทำฝ้าตกแต่งบ้าน แต่เศรษฐกิจไม่ดีไม่มีผู้จ้างงานจึงทำให้ขาดรายได้จึงตัดสินใจก่อเหตุซ้ำ โดยจะขี่จักรยานยนต์ตระเวนไปตามหมู่บ้านและกดกริ่งเรียกหรือแอบมอง หากไม่มีคนอยู่บ้านก็อาศัยจังหวะเข้าไปก่อเหตุงัดบ้านไปกวาดทรัพย์สิน ก่อนนำทรัพย์สินที่ได้ไปขายตามโรงรับจำนำ หากเป็นทองก็นำไปขายร้านทอง โดยเปลี่ยนร้านไปเรื่อยๆ เพื่อป้องกันการถูกตามตัว หากเป็นอาวุธปืนก็จะนำไปขายในเฟซบุ๊กในราคาประมาณ 2,000-3,000 บาท เมื่อได้เงินมาก็จะนำไปเลี้ยงดูครอบครัว ทั้งนี้ภรรยาไม่ทราบว่าตนก่อเหตุลักทรัพย์ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่นำตัวส่ง สภ.ขาณุวรลักษบุรี จ.กำแพงเพชร ดำเนินคดี ก่อนให้พนักงานสอบสวนในพื้นที่ที่เกิดเหตุมาอายัดตัวต่อไป
