กาญจนบุรี - ทหารกองพล 9 เตรียมช่วยเหลือผู้ยากไร้ หลังพบครอบครัวเด็กหญิงวัย 15 ปี เด็กเรียนดีแต่ฐานะยากจน ต้องใช้วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ออกรับจ้างปอกมะขามวันละ 200 บาท เลี้ยงยายวัย 58 ปี ที่ตกต้นมะขามจนล้มป่วย ซ้ำต้องดูแลน้าชายที่ป่วยพิการทางสมอง และส่งตัวเองเรียนหนังสือ อีกทั้งบ้านกำลังจะพัง ด้านครูประจำชั้นวอนผู้ใหญ่ใจบุญร่วมให้ความช่วยเหลือ
วันนี้ (18 ก.พ.) พ.อ.สราวุธ ไชยสิทธิ์ ผบ.ร.29 กองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ เปิดเผยว่า ตนได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ทหารชุดประสานงานประจำพื้นที่ กรมทหารราบที่ 29 กองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ ที่ดูแลประชาชนในพื้นที่ อ.ไทรโยค ทราบว่า ประชาชนที่อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 2 บ้านพุองกะ หมู่ 4 ต.ท่าเสา อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ฐานะยากจน ที่อยู่อาศัยค่อนข้างผุพัง จึงรายงานให้ พล.ต.ธรรมนูญ วิถี ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ทราบ จึงมีคำสั่งให้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปให้ความช่วยเหลือโดยทันที เบื้องต้น ได้นำถุงยังชีพไปมอบให้แก่ครอบครัวดังกล่าวเพื่อบรรเทาทุกข์ในเบื้องต้นแล้ว
ส่วนแนวทางการให้ความช่วยเหลือเกี่ยวกับการสร้างบ้าน ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทหารชุดประสานงานประจำพื้นที่ กรมทหารราบที่ 29 เข้าไปสำรวจอย่างละเอียดก่อนว่าจะต้องทำอย่างไร เพื่อให้ครอบครัวดังกล่าวมีที่อยู่อาศัยที่ดีขึ้น และจากการรายงานทราบว่า ขณะนี้มีผู้นำเสาปูน อิฐบล็อก และปูนซีเมนต์จำนวนหนึ่งไปมอบให้เพื่อสร้างห้องน้ำ ซึ่งในวันเสาร์ที่ 20 ก.พ.นี้จะนำกำลังทหารไปให้ความช่วยเหลือในการสร้างห้องน้ำตามจุดประสงค์ของผู้บริจาคเป็นอันดับแรก โดยจะร่วมกับเจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยกาญจนบุรี รวมทั้งจิตอาสา และผู้นำชุมชน และหน่วยงานต่างๆ จะเข้าไปช่วยเหลือแบบบูรณาการร่วมกัน โดยใช้ทหารเป็นกำลังหลัก
ด้าน นายพัฒนศักดิ์ เหลืองสะอาด ครูประจำชั้น เปิดเผยว่า ขณะนี้ ด.ญ.วริวรรณ์ เฉลิมเชื้อสุวดี หรือน้องยุ้ย กำลังเรียนหนังสืออยู่ชั้น ม.3 โรงเรียนไทรโยคน้อยวิทยา นิสัยส่วนตัวเป็นคนประพฤติดี ร่าเริงแจ่มใส ชอบร่วมกิจกรรมที่ทางโรงเรียนจัดขึ้นทุกครั้ง ที่สำคัญเป็นเด็กที่เรียนเก่งผลการเรียนได้เกรดเฉลี่ยดีเยี่ยมทุกวิชา
ปัจจุบัน น้องยุ้ย อาศัยอยู่กับ นางสายยันต์ นครพนม อายุ 58 ปี ผู้เป็นยาย และนายเอกพันธ์ คงนะ น้าชาย อายุ 23 ปี เป็นคนสติไม่สมประกอบ ส่วนพ่อและแม่ของน้องยุ้ย ต้องไปทำงานที่จังหวัดนครปฐม ด้วยการรับจ้างตัดเย็บเสื้อผ้า เพื่อหาเงินเลี้ยงชีพตัวเอง นานๆ ครั้งจะกลับมาบ้านสักครั้งหนึ่ง ซึ่งครอบครัวดังกล่าวฐานะยากจนมาก วันหยุดเสาร์ และอาทิตย์ น้องยุ้ย ก็จะออกไปหารายได้พิเศษเพื่อส่งตัวเองเรียนหนังสือด้วยการไปรับจ้างปอกมะขามหวาน ได้มาวันละ 200 บาท
ส่วนยายทำอาชีพรับจ้างเก็บมะขาม แต่เมื่อประมาณ 4 วันที่ผ่านมา ยายของน้องยุ้ยประสบอุบัติเหตุตกจากต้นไม้ทำให้ได้รับบาดเจ็บแขนหัก ต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่บ้าน ทำให้รายได้ขาดหายไป ภาระจึงตกมาอยู่กับน้องยุ้ย คนเดียว เมื่อไปโรงเรียนต้องพึ่งพาน้าสาวที่มีบ้านอยู่ห่างออกไปมาช่วยเฝ้าดูแลยาย ไม่เช่นนั้นน้องยุ้ย ก็ไม่สามารถไปเรียนหนังสือได้ เพราะน้าชายที่อยู่ด้วยกันก็เป็นคนสติไม่สมประกอบจึงไม่สามารถดูแลยายได้
สำหรับบ้านที่อยู่อาศัยสุดที่จะทรุดโทรม พื้น และฝาบ้านสร้างด้วยไม้ไผ่ขัดแตะ หลังคามุงด้วยใบจากสลับกับสังกะสีที่เก่า บ้านสร้างมานานแล้วหลายปี ทำให้หลังคา และฝาบ้าน รวมทั้งพื้นบ้านเริ่มเสียหายไปตามสภาพ กลายเป็นช่องโหว่เกือบทั้งหลัง เมื่อถึงหน้าฝนทำให้ไม่สามารถหลับนอนได้ เมื่อถึงหน้าร้อนก็ร้อนอบอ้าว เนื่องจากมีพัดลมแค่เพียงตัวเดียว แต่ต้องนอนด้วยกันถึง 3 คน ส่วนห้องส้วมก็ใช้การไม่ได้เนื่องจากอุดตัน ส่วนฝาห้องน้ำก็กั้นด้วยสังกะสีที่เป็นรูโหว่ และถูกลมพายุพัดพังเสียหายแต่ไม่มีเงินมาซ่อม
ด้วยความที่เด็กเรียนดี ตนในฐานะครูประจำชั้นที่เฝ้าติดตามพฤติกรรมของเด็ก และครอบครัวมาโดยตลอด จึงอยากให้ความช่วยเหลือแต่ไม่สามารถช่วยได้เต็มที่ เพราะเงินเดือนครูก็เพียงน้อยนิด จึงเขียนจดหมายขอความช่วยเหลือจากสื่อมวลชน และเจ้าหน้าที่ทหารกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ เพื่อขอให้กระจายข่าวออกไปเผื่อมีผู้หวังดีที่ใจบุญช่วยกันบริจาคเงินให้แก่น้อง นำมาเป็นทุนการศึกษา และซ่อมบ้านเรือนให้อาศัยอยู่สบายขึ้นเท่านั้นเอง เชื่อว่าน้องยุ้ย และครอบครัวที่อยู่ด้วยกันก็จะเพียงพอแล้ว
ส่วน นายขวัญชัย ถิระศิลป์ คณะกรรมการบริหารมูลนิธิกู้ภัยกาญจนบุรี เปิดเผยว่า หลังจากทราบข่าวทางมูลนิธิฯ ก็พยายามหาทางช่วยเหลือด้วยการขอรับบริจาค และนำข้อมูลรวมทั้งภาพถ่ายไปเผยแพร่ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว เมื่อวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งก็มีประชาชนในพื้นที่ที่ทราบข่าวรวมทั้งเพื่อนๆ ที่เห็นในเฟซบุ๊กก็ได้ร่วมกันบริจาคเงินสดมาได้จำนวนหนึ่ง จึงนำไปมอบให้แก่ อาจารย์พัฒนศักดิ์ ครูประจำชั้นเพื่อมอบต่อให้แก่ครอบครัวของน้องยุ้ย
นอกจากนี้ ยังมีสิ่งของที่ได้มาจากการบริจาคก็คือ เสาปูน อิฐบล็อก และปูนซีเมนต์ที่ใช้สำหรับสร้างห้องน้ำ แต่ก็ยังไม่เพียงพอเนื่องจากยังขาดประตู และหลังคามุงห้องน้ำ
สิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ การสร้างบ้านหลังใหม่ให้แก่ครอบครัวของน้องยุ้ย ซึ่งจะต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากพอสมควร และคงสร้างให้อยู่ได้อย่างไม่ลำบากเหมือนบ้านหลังเก่าเท่านั้น จึงอยากให้คนไทยเข้ามาให้ความช่วยเหลือด้วยการบริจาควัสดุในการก่อสร้างสิ่งของอื่นๆ ที่เกี่ยวต่อการก่อสร้าง หรือช่วยกันบริจาคเป็นเงินสดได้ด้วยก็จะเป็นการดี เพราะหากขาดสิ่งใดก็จะหาซื้อมาได้
นอกจากนี้ หากเงินคงเหลือก็จะมอบให้แก่ น้องยุ้ย เอาไว้เป็นทุนการศึกษาต่อไปในอนาคต แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้น้องเขายังไม่มีบัญชีธนาคารที่จะให้คนไทยบริจาคด้วยการโอนเงินเข้าบัญชีได้ ดังนั้น หากท่านใดต้องการเดินทางบริจาคช่วยเหลือที่บ้านของน้องยุ้ย ด้วยตนเอง ขอให้โทรศัพท์ประสานมาที่ตนได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 08-9533-5320 จะนำทางไปที่บ้านด้วยตนเอง