ศูนย์ข่าวศรีราชา - จับตานโยบายห้ามมีกิจกรรมชายหาดพัทยา หลังภาคธุรกิจรวมตัวยื่นหนังสือร้องขอ แต่สุดท้ายงาน “สีสันตะวันออก 2559” โผล่ออกร้านริมทะเลพัทยา 120 ร้าน รองนายกพัทยาปวดหัวหวั่นหาบเร่แผงลอยกลับมา พร้อมประสานกำลังทหารดูแลความสงบเรียบร้อย
วันนี้ (17 ก.พ.) นายรณกิจ เอกะสิงห์ รองนายกเมืองพัทยา และนายบุญชัย ทันสมัย ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดชลบุรี ร่วมประชุมปรึกษาหารือ และเตรียมความพร้อมในการดำเนินการจัดงานมหกรรมด้านการท่องเที่ยวระดับชาติ งานมหกรรมสีสันตะวันออกงานเทศกาลท่องเที่ยว “สีสันตะวันออก 2559” ครั้งที่ 2 โดยมีตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก (ชลบุรี-ระยอง-จันทบุรี-ตราด) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพัทยา ฝ่ายปกครองอำเภอบางละมุง ทหาร มทบ.14 ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา ตลอดจนส่วนงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ที่ห้องประชุม 242 ศาลาว่าการเมืองพัทยา จ.ชลบุรี
สำหรับกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 9 ติดต่อกัน โดยมีเวทีกลางอยู่บริเวณลานกิจกรรมศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล พัทยาบีช รวมทั้งการออกบูทจำหน่ายสินค้ากินพื้นที่ทางเดินเท้าสาธารณะริมชายทะเลพัทยา ระหว่างวันที่ 25-28 กุมภาพันธ์ 2559 นี้ ไฮไลต์สำคัญของงานอยู่ที่การออกร้าน OTOP ระดับ 4-5 ดาว ร้านอาหารขึ้นชื่อแบบปรุงสำเร็จ และปรุงสุกในงาน แหล่งท่องเที่ยว ที่พักโรงแรมจาก 4 จังหวัดภาคตะวันออก ได้แก่ ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราดจังหวัดละ 30 บูท รวมทั้งสิ้น 120 บูธ กินพื้นที่ตลอดแนวถนนระยะกว่า 400 เมตร
โดยกิจกรรมนี้กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเป็นผู้เสนอโครงการ และงบประมาณผ่านสำนักงบประมาณของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวมกว่า 3 ล้านบาท เพื่อผลักดันให้เกิดการส่งเสริมรายได้จากการท่องเที่ยว โดยแปลงนโยบายสู่การปฏิบัติในพื้นที่ภาคตะวันออก โดยมีบริษัท อิมเมจ คอปอเรชั่น (ประเทศไทย) เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินจัดงานหลายช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ในที่ประชุมได้มีการนำเสนอรูปแบบจัดงานที่ปีนี้กำหนดในคอนเซ็ปต์ “สีสันตะวันออก สีสันของชีวิตคุณ” โดยทางตัวแทนบริษัทผู้จัดงานเผยว่า ที่ผ่านมาได้จัดการแถลงข่าวจัดงานนี้ไปแล้ว โดยมี นายภวัต เลิศมุกดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี นายรณกิจ เอกะสิงห์ รองนายกเมืองพัทยา และนายสินธ์ไชย วัฒนศาสตร์สาธร นายกสมาคมนักธุรกิจการท่องเที่ยวเมืองพัทยา เข้าร่วม ขณะที่การหารือวันนี้เป็นการพิจารณาแนวทางในการเตรียมความพร้อมของงาน
โดยในส่วนของบริษัทออแกไนเซอร์ผู้จัดงานได้ขอรับการสนับสนุนกำลังพลในการดูแลความสงบเรียบร้อย และรักษาความปลอดภัย พร้อมขอทำการปิดถนนตั้งแต่ช่วงพัทยากลางถึงพัทยาใต้ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2559 นี้ ตั้งแต่เวลา 16.00 น.เป็นต้นไป เพื่อจัดเตรียมขบวนพาเหรด โดยมีการมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา เป็นผู้รับผิดชอบในการจัดจราจร และอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน เนื่องจากอาจได้รับผลกระทบจากการสัญจรในช่วงเวลาดังกล่าว
ด้าน นายรณกิจ เอกะสิงห์ รองนายกเมืองพัทยา ได้เน้นย้ำต่อบริษัทผู้จัดงานให้มีการกำหนดรูปแบบการจัดงานให้ดีที่สุด และลดปัญหาที่จะเกิดขึ้น เนื่องจากอาจเกิดปัญหาเกี่ยวกับผู้ประกอบการหาบเร่ แผงลอยที่อาจขนคน และสินค้าเข้ามาวางจำหน่ายในพื้นที่เป็นจำนวนมากในช่วงเวลาดังกล่าวได้ โดยร้องขอให้มีการปรับแผนการดูแลใหม่ด้วยการสนธิกำลังจากหลายฝ่ายเข้าร่วม เพื่อดูแล รวมทั้งเฝ้าระวังเรื่องของความปลอดภัย การจราจร และความสะอาดในระหว่างการจัดงานด้วย
มีรายงานว่า ที่ผ่านมากิจกรรมสำคัญอย่างเทศกาลปีใหม่ หรือพัทยาเคานต์ดาวน์ ซึ่งถือเป็นกิจกรรมหลักที่เมืองพัทยาจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี และได้รับการตอบรับที่ดีจากนักท่องเที่ยวจนติด 1 ใน 10 ของกิจกรรมที่ได้รับความนิยมสูงสุด ได้มีกลุ่มภาคเอกชนเมืองพัทยาในนามสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา รวมทั้งสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก ได้ยื่นหนังสืออย่างเป็นทางการถึงนายกเมืองพัทยา เพื่อร้องขอให้พิจารณายกเลิกการจัดกิจกรรมบริเวณริมชายหาดพัทยาอย่างเด็ดขาด เนื่องจากมองว่าการออกร้านจำหน่ายสินค้าริมชายพัทยานั้นไม่เกิดประโยชน์ต่อการท่องเที่ยว เนื่องจากขาดความเป็นระเบียบจนส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์อย่างรุนแรง รวมทั้งเป็นการทำลายสภาพแวดล้อมริมชายหาดพัทยาให้มีความเสื่อมโทรม
ซึ่งกรณีดังกล่าวในส่วนของผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี จึงได้มีนโยบายให้ทุกฝ่ายเพิ่มความเข้มงวดอย่างจริงจัง พร้อมเห็นชอบร่วมกันกับเมืองพัทยาที่จะยกเลิกพื้นที่การจัดเทศกาลปีใหม่จากบริเวณริมชายหาด และไปใช้พื้นที่เฉพาะบริเวณท่าเทียบเรือบาลีฮายพัทยาใต้แทน โดยมีการสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ และอาสาสมัครนับพันนายมาดูแลตลอดแนวชายหาด เพื่อป้องกันไม่ให้มีการค้าขายตลอดแนว
โดยในส่วนของกิจกรรม “สีสันตะวันออก” จึงถือเป็นกิจกรรมแรกที่ได้เข้ามาจัดงาน และออกร้านริมชายหาดหลังมีนโยบายในช่วงที่ผ่านมา โดยมีการระบุว่า กิจกรรมนี้เป็นงานของกลุ่มจังหวัดที่จะเสริมสร้างการท่องเที่ยว กระทั่งมีการวิพากษ์วิจารณ์จากหลายส่วนว่ากิจกรรมนี้เหมาะสมต่อการยกเว้นหรือไม่