ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - โฆษกศูนย์อำนวยการสั่งการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าจังหวัดเชียงใหม่ เผยภาพรวมสถานการณ์คุณภาพอากาศปีนี้ดีขึ้นมากเมื่อเปรียบกับช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เพิ่งพบค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กเกินมาตรฐานเพียง 2 วันเท่านั้น พร้อมระบุสาเหตุหลักมาจากปริมาณรถยนต์ที่หนาแน่นย่านใกล้เคียงสถานีตรวจวัด โดยเฉพาะรถยนต์ของนักท่องเที่ยวจีนที่แห่เที่ยวเชียงใหม่ช่วงตรุษจีนและงานไม้ดอกไม้ประดับ
วันนี้ (16 ก.พ. 59) นายกมลไชย คชชา ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 ในฐานะโฆษกศูนย์อำนวยการสั่งการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยสถานการณ์ปัญหาหมอกควันไฟป่าและคุณภาพอากาศของจังหวัดเชียงใหม่ว่า ในช่วงตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 59 จนถึงวันนี้จังหวัดเชียงใหม่เพิ่งมีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM10 เกินค่ามาตรฐานเพียง 2 วันเท่านั้น คือ เมื่อวันที่ 11 ก.พ. 59 ที่วัดค่าได้ 127 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร และวันที่ 12 ก.พ. 59 ที่วัดค่าได้ 122 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ที่สถานีโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งในภาพรวมถือว่าดีขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2557 และปี 2558 ที่มีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM10 เกินค่ามาตรฐานแล้ว 20 วัน และ 17 วันตามลำดับ
สำหรับทั้ง 2 วันที่ตรวจพบค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM10 เกินค่ามาตรฐานนั้น ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 ระบุว่าได้มีการนำข้อมูลผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศจากสถานีดังกล่าวไปวิเคราะห์อย่างละเอียดพบว่าค่าไนโตรเจนไดออกไซด์สูงมาก ซึ่งไนโตรเจนไดออกไซด์มีแหล่งกำเนิดหลักมาจากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์
ดังนั้น จึงทำให้เชื่อได้ว่าสาเหตุที่ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM10 เกินค่ามาตรฐานในช่วงวันดังกล่าวน่าจะมาจากรถยนต์จำนวนมากที่สัญจรไปมาอยู่ในย่านใกล้เคียงกับสถานีตรวจวัด เพราะช่วงดังกล่าวเป็นช่วงที่มีนักท่องเที่ยวเข้าท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่จำนวนมาก เนื่องจากตรงกับช่วงที่มีการจัดงานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับ รวมทั้งเป็นช่วงตรุษจีนที่มีนักท่องเที่ยวชาวจีนขับรถยนต์เข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากและมักจะขับวนเวียนอยู่ในเมืองใกล้กับสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ จนเป็นเหตุให้ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM10 เกินค่ามาตรฐาน โดยขณะนี้ได้เร่งแก้ไขปัญหาแล้วด้วยการจัดระเบียบการจราจร และตรวจจับรถควันดำ ตลอดจนทำการฉีดพ่นละอองน้ำบริเวณใกล้เคียงสถานีตรวจวัดในช่วงกลางคืน