xs
xsm
sm
md
lg

คู่กรณีจีนต้องอ่าน! พบนายหน้าค้าความจีนโผล่ อ้างกงสุลฯ หากินคดีรถจีนชนไทย(ชมคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายณัฏฐพงษ์ ชงโคสันติสุข อายุ 35 ปี  เจ้าของรถยนต์มาสด้าคันที่ถูกนักท่องเที่ยวจีนชน
ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - คู่กรณีถูกรถนักท่องเที่ยวจีนขับสวนเลนชนเสียหาย เผยพบพิรุธล่ามอ้างตัวเป็นตัวแทนกงสุลฯ ส่อหาผลประโยชน์จากคดีรถจีนชนรถไทย แถมโผล่รับหน้าเสื่อเจรจาแล้วหลายคดีไม่จบ ชี้ยื้อเกมไม่พอ แปลภาษาลดวงเงินชดใช้แบบครึ่งต่อครึ่งหน้าตาเฉย



วันนี้ (9 ก.พ. 59) นายณัฏฐพงษ์ ชงโคสันติสุข อายุ 35 ปี และ น.ส.รุ่งทิพย์ กันทา อายุ 35 ปี เจ้าของรถยนต์มาสด้าที่ถูกนักท่องเที่ยวจีนขับรถสวนเลนชนจนรถยนต์ได้รับความเสียหาย เหตุเกิดบนถนนเชียงใหม่-เชียงราย ในพื้นที่อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อคืนวันที่ 5 ก.พ. 59 เวลาประมาณ 23.00 น. นัดสื่อมวลชนชี้แจงความคืบหน้าของคดีที่ สภ.ดอยสะเก็ด ว่าล่าสุดวานนี้ (8 ก.พ.) จากการเจรจาไกล่เกลี่ยกับคู่กรณีที่เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน สามารถตกลงกันได้แล้วซึ่งคู่กรณียินยอมที่จะจ่ายเงินชดใช้ค่าเสียหายให้ 220,000 บาท โดยฝ่ายตนไม่ได้เรียกร้องค่ารักษาพยาบาลและเสียเวลาที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุครั้งนี้แต่อย่างใดเพราะไม่ต้องการเสียเวลามากไปกว่านี้อีกแล้ว หลังจากที่ต้องเจรจาตกลงกันผ่านล่ามภาษาจีนที่เป็นคนไทย และอ้างว่าเป็นตัวแทนจากกงสุลสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำเชียงใหม่มาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่ได้ข้อสรุปเป็นที่น่าพอใจ

นายณัฏฐพงษ์บอกอีกว่า แต่หลังจากตกลงกับคู่กรณีได้แล้วได้มีโอกาสพูดคุยกับคู่กรณีที่เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนผ่านเพื่อนที่เป็นล่ามภาษาจีน พบข้อสงสัยว่าสาเหตุที่การเจรจาไกล่เกลี่ยหลายครั้งก่อนหน้านี้ตกลงกันไม่ได้นั้นน่าจะมาจากล่ามภาษาจีนที่อ้างว่าเป็นตัวแทนจากกงสุลจีนสาธารณรัฐประชาชนประจำเชียงใหม่

โดยนักท่องเที่ยวจีนที่เป็นคู่กรณีระบุว่า พร้อมที่จะรับผิดชอบค่าเสียหายตั้งแต่แรกแล้ว เพราะรู้ตัวดีว่าเป็นฝ่ายผิด แต่ล่ามคนดังกล่าวได้กำชับไว้ก่อนเจรจากันครั้งแรกว่าให้ยอมจ่ายค่าเสียหายเพียง 50,000 บาท ซึ่งครั้งนั้นคู่กรณีชาวจีนได้เสนอที่จะจ่ายค่าเสียหายให้ 150,000 บาท แต่ล่ามคนดังกล่าวกลับบอกว่าคู่กรณีชาวจีนจะยอมจ่ายเพียง 80,000 บาทเท่านั้น

นายณัฏฐพงษ์บอกอีกว่า เมื่อสอบถามคู่กรณีชาวจีนว่าล่ามคนดังกล่าวมาเป็นตัวกลางในการเจรจาไกล่เกลี่ยได้อย่างไร ทราบว่าค้นหาจากอินเทอร์เน็ต เพราะมีการแนะนำกันในกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนไว้ว่าหากมาท่องเที่ยวเชียงใหม่แล้วมีปัญหาใดๆ ให้ติดต่อล่ามคนนี้มาช่วยทำหน้าที่เจรจาไกล่เกลี่ยให้

นอกจากนี้ เมื่อตรวจสอบไปยังทางกงสุลสาธารณรัฐประชาชนประจำเชียงใหม่ ทำให้ทราบด้วยว่าทางกงสุลไม่เคยมีการจัดเจ้าหน้าที่มาเจรจาตามที่ล่ามคนดังกล่าวได้อ้างตัว โดยอย่างมากจะมีการจัดล่ามอาสาสมัครมาช่วยเหลือในการสื่อสารระหว่างกันเท่านั้น แต่ไม่มีหน้าที่เจรจาต่อรองหรือตัดสินใจใดๆ แทนคู่กรณีทั้งสิ้น

“จึงตั้งข้อสังเกตว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ ที่ล่ามคนดังกล่าวนี้อาจจะแสวงหาผลประโยชน์จากกรณีที่เป็นข้อพิพาทและความเดือดร้อนระหว่างนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาท่องเที่ยวในเชียงใหม่กับคนไทย”

ทั้งนี้ จากกรณีที่เกิดขึ้นจึงอยากเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการตรวจสอบพฤติกรรมของล่ามคนดังกล่าว และดำเนินการให้ถูกต้องเพื่อไม่ให้เกิดกรณีเช่นนี้อีก เนื่องจากทราบว่ามีหลายกรณีแล้วที่ล่ามคนเดียวกันนี้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องเจรจาไกล่เกลี่ยต่อรองค่าเสียหายระหว่างคู่กรณีที่เป็นนักท่องเที่ยวจีนกับคนไทย ซึ่งแต่ละกรณีล้วนยืดเยื้อ และคนไทยเป็นฝ่ายเสียเปรียบทั้งสิ้น รวมทั้งคู่กรณีชาวจีนก็อาจจะเสียหายด้วยเช่นกัน โดยที่มีคนบางคนได้ประโยชน์แทน

นอกจากนี้เรียกร้องด้วยว่า กรณีรถยนต์ที่นักท่องเที่ยวชาวจีนขับเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ควรจะต้องบังคับให้มีการทำประกันภัยชั้น 1 หรือประกันภัยที่ครอบคลุมความเสียหายที่เกิดขึ้นในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุเช่นนี้ ซึ่งเคยเกิดเหตุลักษณะเดียวกันนี้มาหลายครั้งแล้ว เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมีปัญหาเกิดขึ้นอีก เหมือนเวลาที่รถยนต์จากไทยจะขับเข้าไปท่องเที่ยวในประเทศเพื่อนบ้านที่วจะต้องถูกบังคับวางเงินประกันและทำประกันภัยทุกครั้ง

วันเดียวกันนี้ นายวีระพล อภิวัน อายุ 34 ปี อาชีพขับรถตู้รับจ้างนำเที่ยว ได้เดินทางมาที่สถานีตำรวจภูธรดอยสะเก็ด เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีที่รถตู้ของตัวเองประสบอุบัติเหตุถูกรถยนต์ของนักท่องเที่ยวชาวจีนเสียหลักข้ามเลนมาชนบนถนนเส้นทางเชียงใหม่-เชียงราย ในพื้นที่อำเภอดอยสะเก็ด เมื่อวันที่ 29 ม.ค. 59 ซึ่งผ่านมา เนื่องจากเหตุการณ์ผ่านมานานนับสิบวันแล้ว แต่การเจรจากับคู่กรณีที่เป็นชาวจีนยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ

เมื่อตรวจสอบก็พบว่ากรณีของนายวีระพลมีการเจรจาไกล่เกลี่ยต่อรองผ่านล่ามคนเดียวกับกรณีอุบัติเหตุรถยนต์ของนายณัฏฐพงษ์ด้วย

นายวีระพลบอกว่า อุบัติเหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 ม.ค. 59 เวลาประมาณ 15.00 น. ระหว่างที่ตัวเองพร้อมผู้โดยสารในรถกำลังมุ่งหน้าไปจังหวัดเชียงราย มาถึงจุดเกิดเหตุปรากฏว่ารถยนต์ของนักท่องเที่ยวชาวจีนที่มาพร้อมกันหลายคันได้เสียหลักข้ามเลนมาชนกับรถตู้ตนซึ่งทางฝ่ายคู่กรณียอมรับผิดทั้งหมด และตกลงจะชดใช้ค่าเสียหายให้ จึงได้มาลงบันทึกประจำวันไว้ที่สถานีตำรวจภูธรดอยสะเก็ด แต่เมื่อมีการเจรจาตกลงค่าเสียหายผ่านล่ามภาษาจีนที่เป็นคนไทย และอ้างว่าเป็นตัวแทนจากกงสุลสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำเชียงใหม่ กลับเสนอที่จะจ่ายเงินชดใช้ให้เพียง 50,000 บาทเท่านั้น ทั้งๆ ที่ทางอู่ซ่อมรถประเมินค่าซ่อมทั้งหมดสูงเกือบ 200,000 บาท ไม่รวมค่าเสียโอกาสอื่นๆ ทำให้ยังตกลงกันไม่ได้ และต้องทิ้งรถที่เกิดเหตุไว้สถานีตำรวจจนกว่าจะตกลงกันได้

นายวีระพลระบุด้วยว่า การนัดตกลงเจรจาชดใช้ค่าเสียหายที่ผ่านมานั้น ทางล่ามคนดังกล่าวมีการบ่ายเบี่ยงผิดนัดมาหลายครั้งแล้ว อ้างว่านักท่องเที่ยวจีนคู่กรณีเดินทางไปเที่ยวจังหวัดภูเก็ต และจะกลับมาตกลงเจรจาภายหลัง ทั้งนี้ ยอมรับว่าทำให้รู้สึกสงสัยในพฤติกรรมของล่ามคนดังกล่าวนี้อยู่เช่นกัน และอยากเรียกร้องให้มีการตรวจสอบว่าเป็นตัวแทนของกงสุลสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำเชียงใหม่จริงหรือไม่ เพราะเกรงว่านอกจากจะทำให้คู่กรณีได้รับความเสียหายแล้วยังจะเสื่อมเสียชื่อเสียงของกงสุลฯ นอกจากนี้ อยากเรียกร้องให้มีการบังคับให้รถยนต์ที่นักท่องเที่ยวจีนจะขับเข้ามาท่องเที่ยวทำประกันภัยทุกคัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดกรณีเช่นนี้อีก
นายณัฏฐพงษ์ ชงโคสันติสุข อายุ 35 ปี  และนางสาวรุ่งทิพย์ กันทา อายุ 35 ปี สองเจ้าของรถยนต์มาสด้าคันที่ถูกนักท่องเที่ยวจีนชน


รถยนต์ของนักท่องเที่ยวจีนที่เป็นคู่กรณีกับนายณัฏฐพงษ์
รถยนต์ของนักท่องเที่ยวจีนที่เป็นคู่กรณีกับนายณัฏฐพงษ์
นายวีระพล อภิวัน อายุ 34 ปี อาชีพขับรถตู้รับจ้างนำเที่ยว ซึ่งประสบเหตุถูกรถยนต์นักท่องเที่ยวขับชน ในพื้นที่อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ แต่ล่าสุดยังไม่มีความคืบหน้าการเจรจาตกลง โดยพบว่าล่ามที่มาเจรจาเป็นคนเดียวกับกรณีรถกระบะมาสด้า
รถยนต์คู่กรณีของนายวีระพล
รถยนต์คู่กรณีของนายวีระพล
กำลังโหลดความคิดเห็น